เมอร์เซอร์ (Mercer) บริษัทให้คำปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลชั้นนำของโลก เผยผลการจัดอันดับเมืองน่าอยู่ที่ประชากรมีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลกประจำปี 2019 ผลปรากฏว่า “กรุงเวียนนา” ของออสเตรีย ยังคงครองแชมป์อย่างเหนียวแน่นต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ส่วน “กรุงเทพฯ” อยู่ในอันดับที่ 133 ตกลงหนึ่งอันดับจากเมื่อปีที่แล้ว
ผลการจัดอันดับนี้ มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลของเมืองใหญ่ทั่วโลก 231 แห่ง เกี่ยวกับปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของพลเมือง เช่น เสถียรภาพทางการเมือง เสรีภาพส่วนบุคคล ระบบสาธารณสุข การศึกษา การคมนาคมขนส่ง ที่อยู่อาศัย กิจกรรมสันทนาการ และปัญหาอาชญากรรม
กรุงเวียนนาซึ่งมีประชากรราว 1.8 ล้านคน มีสภาพภูมิทัศน์ที่สวยงามและมีสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าทางวัฒนธรรม ทั้งยังมีระบบสาธารณสุขของรัฐที่ครอบคลุมทั่วถึง และมีค่าใช้จ่ายสำหรับที่อยู่อาศัยในระดับปานกลาง รวมทั้งยังมีค่าครองชีพไม่สูงจนเกินไป
ในปีนี้ยุโรปมีเมืองที่ติดอันดับคุณภาพชีวิตดีที่สุดถึง 8 แห่ง ใน 10 อันดับแรก โดยส่วนใหญ่เป็นเมืองในประเทศสวิตเซอร์แลนด์และเยอรมนี เช่น นครซูริก นครมิวนิก เมืองดึสเซลดอร์ฟ นครแฟรงก์เฟิร์ต กรุงโคเปนเฮเกน เมืองเจนีวา และบาเซิล
ส่วนเมืองน่าอยู่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือคือนครแวนคูเวอร์ ของแคนาดา ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 3 เช่นเดียวกับเมืองโอ๊คแลนด์ของนิวซีแลนด์
สำหรับเมืองในภูมิภาคเอเชีย สิงคโปร์ติดอันดับ “คุณภาพชีวิตสูงสุด” ในลำดับที่ 25 ของโลก ส่วนกรุงโตเกียวและนครโกเบของญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 49 เท่ากัน กรุงโซล ของเกาหลีใต้ อยู่ในอันดับที่ 77 ส่วนนครไทเปของไต้หวัน และกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียอยู่ในอันดับที่ 84 และ 85 ขณะที่กรุงเทพฯ อยู่ในอันดับที่ 133 ตกลงจากเมื่อปีที่แล้วที่อยู่ในอันดับที่ 132
บริษัทเมอร์เซอร์ผู้จัดทำดัชนีชี้วัดดังกล่าวระบุว่า ผลการจัดอันดับนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจข้ามชาติสามารถประเมิน และตัดสินใจได้ว่า จำนวนเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับพนักงานที่ถูกส่งไปประจำในต่างประเทศนั้นควรจะเป็นเท่าใด โดยพิจารณาจากคุณภาพชีวิต และระดับความยากลำบากของการอยู่อาศัยในเมืองดังกล่าว