เป็นนักร้องมากความสามารถที่หลายคนยอมรับในเสียงร้องของเธอ สำหรับ ปุ๊ อัญชลี ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวเพิ่งสูญเสียคุณแม่อันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ ล่าสุด ปุ๊ อัญชลี ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง one31 ที่มีหนิง ปณิตา และธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกร
ขอแสดงความเสียใจที่เสียคุณแม่ไป ตอนนี้ทำใจได้บ้างหรือยัง?
ปุ๊ : ก็โอเคเลยค่ะ เพราะว่าท่านไม่ใช่ปุ๊บปับไป มันก็มีระยะเวลาที่เราได้ทำใจกันแล้ว ช่วงนั้นท่านก็เข้าออกโรงพยาบาลบ่อย เพราะว่าร่างกายมันก็เสื่อมแล้ว ท่านผ่านการป่วยหนักมาเยอะมากเลย
เห็นบอกว่าตอนท่านจะไปพี่ปุ๊ออกไปทานข้าว?
ปุ๊ : ใช่ค่ะๆ พอพี่ไปถึงทุกคนก็ยืนสงบนิ่งอยู่ พี่ไปถึงก็ร้องไห้ ขนาดทำใจไว้แล้วนะ ก็เลยตัดสินใจในความเงียบแล้วเข้าไปกอดคุณแม่ แล้วบอกว่าแม่เป็นแม่ที่ดีที่สุดในโลกเลย ขอบคุณแม่มีพระคุณกับเราอย่างมาก เดี๋ยวเราได้เจอกันแล้ว ตอนนี้ให้แม่ไปเจอพ่อก่อน เพราะพ่อเสียไปนานแล้ว แล้วพี่สาวอีกคนเพิ่งเสียไปเมื่อ 9 เดือนที่แล้ว เดี๋ยวคุณแม่จะได้เจอทุกคนแล้วฝากบอกทุกคนด้วยว่าคิดถึง แล้วก็กอดแก
หลังจากคุณแม่เสียมันทำให้การดำเนินชีวิตของพี่เปลี่ยนไปไหม?
ปุ๊ : ไม่เลยค่ะ รู้สึกว่าเราเป็นตัวแทนของคุณแม่ในโลก แล้วคุณแม่ก็ภูมิใจในฐานะที่เราเป็นนักร้องก็จะทำให้ดีที่สุดจนกว่าจะไม่มีแรง นี่ก็เป็นความสุขของคุณแม่ที่ได้เห็นเราร้องเพลง
ถ้าตอนนี้สมมุติว่าคุณแม่ฟังอยู่พี่มีอะไรจะบอกไหม?
ปุ๊ : คิดถึงมาก อีกไม่นานก็จะได้เจอกันแล้ว
หลายคนยังไม่รู้เลยว่าพี่เข้าวงการมาจากนางแบบ?
ปุ๊ : ไม่หรอก ตอนนั้นพี่ร้องเพลงอยู่แล้ว ก็ร้องตามโรงแรม พอเรียนจบกลับมาพอดีพี่สาวพี่เป็นดีไซเนอร์ เขาก็จัดแฟชั่นโชว์ที่ต้องใช้นางแบบเยอะมาก แล้วมันขาดอยู่คนนึง มองไปมองมาเอายายปุ๊นี่แหละ ก็เข้าไปอยู่ในวงการนางแบบ
แล้วพี่ชอบการเป็นนางแบบไหม?
ปุ๊ : ก็ดีนะ ชอบสวยดี
แล้วจากนางแบบมาเป็นนักร้อง?
ปุ๊ : คือร้องเพลง เล่นดนตรีให้พี่ชาย มีวง ก็มาได้เล่นหนังเรื่องนึงตอนนั้นยังไม่ได้ออกเทปนะ เสร็จแล้วมาเจอคุณปุ๊ที่แต่งเพลง ชุดหนึ่งเดียว ให้ก็เลยเริ่มเข้าวงการ
ตอนนั้นยอดเทปเท่าไหร่?
ปุ๊ : เป็นล้านเหมือนกันนะ สมัยนั้นรายได้เป็นกอบเป็นกำเลย
ในสมัยนั้นความดังมีผลทำให้เราเกเรไหม?
ปุ๊ : ก็มีบ้างนะ แต่เมื่อกลับไปมองสิ่งที่เราพลาดเราไม่ได้พัฒนาตัวเองเราคิดว่าเราเป็นนักร้องอยู่แล้ว มีแฟนเพลงสบายอยู่แล้ว คิดแบบไม่ค่อยฉลาด
แล้วคิดจะออกจากวงการไหม?
ปุ๊ : เคยคิด ถามว่าเฮิร์ตไหม คือเราเป็นประเภทที่ทำไม่ได้แล้วฉันไม่ทำ พอแล้วไม่อยากร้องเพลงแล้ว เคยร้องแบบมีความสุขทำไมการแข่งขันมันสูงจัง ตอนนั้นมันก็เริ่มมีบริษัทเทปใหญ่ๆ การแข่งขันมันก็บีบเข้ามาเรื่อยๆ
แต่จุดเปลี่ยนของพี่ปุ๊อีกอย่างนึงคือการเปลี่ยนศาสนา?
ปุ๊ : ใช่ พี่เชื่อว่ามันเป็นเพราะจุดที่พี่ไปยืนอยู่ตรงนั้นมันไม่มีคำตอบแล้ว แล้วเราก็รู้สึกว่ามันวนเวียนจะทำยังไงดีจะมีอะไรทำให้เราเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แล้วบังเอิญวันนั้นมีเพื่อนมาเล่าเรื่องพระเจ้าให้ฟัง คือเรื่องของความรัก พี่ก็เริ่มเปิดใจแล้ว แล้วมีโอกาสใหม่ๆ ด้วย พระเจ้ารู้ว่าเราเหนื่อย แล้วพระเจ้าอยากให้เราพบกับความรักของพระองค์แล้วได้กำลังใจใหม่ๆ แล้วพระองค์จะเริ่มต้นให้เรานับหนึ่งใหม่ เห้ย…มันเป็นอะไรที่เราไม่เคยได้ยิน ก็คิดแต่ว่าพระเจ้าเป็นศาสนาหนึ่งที่มีพระเจ้าแค่นั้นเองแต่พอมารับรู้เรื่องนี้มันทำให้รู้สึกมีความหวัง ก็เลยมีการทดสอบว่าจริงไหม พระเจ้าที่เพื่อนบอกเนี่ยช่วยได้จริงไหม ก็ลองเชื่อและเปิดใจวันนั้นก็ได้สัมผัสพระเจ้าจริงๆ สัมผัสถึงพลังแห่งความรัก ทำให้ความกลัวที่เราหม่นหมอง วิตกกังวลมันหายไปเลย ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ทำให้พี่ได้พบอะไรใหม่ๆ ทำให้พี่ได้กลับเข้ามาอยู่ในวงการนี้อีกครั้ง
ณ วันที่พี่ตัดสินใจเปลี่ยนศาสนา หลายคนคิดว่าเป็นเพราะพี่อกหัก?
ปุ๊ : ไม่ใช่ขอตอบตรงนี้เลย ไม่เคยอกหัก สมัยเด็กไม่นับนะ ถามว่าเจ้าชู้ไหม สมัยก่อนอาจจะนะ มีแฟนพร้อมๆ กันอย่างมาก 2 คน
แล้วแฟนจริงๆ ทุกวันนี้มีไหม?
ปุ๊ : ไม่มี ถ้าคนที่เราพูดด้วยได้ทุกเรื่องอะมี แต่ไม่ใช่แฟน มันคือเพื่อนแท้ ถามว่าโสดไหม พี่ยังไม่ได้แต่งงานก็โสดสิ
เห็นว่ามีคนไดเรกต์มาจีบพี่เขาอายุเท่าไหร่?
ปุ๊ : อายุไม่รู้หรอกเขาปิดกัน บางคนก็ได้เจอ เพราะมีนัดกินข้าวกัน คนที่นัดกินข้าวก็ต้องเป็นคนที่รู้จักกัน เพราะเดี๋ยวนี้น่ากลัว
มีผู้ชายจีบพี่บ้างไหม?
ปุ๊ : ก็มีนะ รุ่นใหญ่ แต่พี่อาจจะคิดไปเองก็ได้นะ เขามองเราเพราะเป็นแฟนคลับเราก็ได้ พี่อาจจะหลงผิดเลยไม่กล้าพูดเยอะ
ทุกวันนี้ที่พี่ไม่เปิดเรื่องความรักเป็นเพราะอดีตเคยผิดหวังหรือเปล่า?
ปุ๊ : ก็มีบ้าง สมัยวัยรุ่น แต่ลืมแล้ว
ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์–ศุกร์ 14.00-15.00น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama