Home ข่าวทั่วไปรอบวัน สถานการณ์เศรษฐกิจแผ่วตัว ครม.ของพลเอกประยุทธ์แก้ด้วยการแจกเงิน 13,000 ล้านบาท

สถานการณ์เศรษฐกิจแผ่วตัว ครม.ของพลเอกประยุทธ์แก้ด้วยการแจกเงิน 13,000 ล้านบาท

394
0
SHARE

 

 

หลังเลิกประชุมครม.ที่ทำเนียบรัฐบาล  บ่าย 30 เม.ย.2562 นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ  แถลงข่าว ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบมาตรการพยุงเศรษฐกิจกลางปีวงเงิน 1.32 หมื่นล้านบาท โดยช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ทั้งผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้พิการ เกษตรกร รวมถึงการลดภาระพ่อแม่ในช่วงเปิดเทอม

 

 

 

นอกจากนี้ยังมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการซื้อสินค้าเกี่ยวกับการศึกษาและกีฬา มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่าน มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมซื้อสินค้า OTOP มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัย และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริม e-Tax

 

 

 

กระทรวงการคลัง คาดว่า มาตรการพยุงเศรษฐกิจที่ ครม. เห็นชอบ จะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากที่ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 2562 จาก 4% เหลือ 3.8% ต่ำกว่าการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2561 ที่ขยายตัวได้ 4.1%

 

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง   แถลงว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยล่าสุดในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2562 ที่ผ่านมา พบว่ามีแนวโน้มแผ่วตัว อันมีสาเหตุหลักจากเศรษฐกิจโลกที่มีการชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกสินค้าและบริการของไทย รวมถึงส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่มีรายได้ลดลง ในขณะที่ภาระค่าใช้จ่ายยังคงอยู่ในระดับสูง ดังนั้น กระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องดำเนินมาตรการพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 เพื่อป้องกันและดูแลความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 เห็นชอบมาตรการพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

 

  1. มาตรการพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

 

1.1 มาตรการเพิ่มเบี้ยคนพิการ เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่เป็นผู้พิการให้ได้รับเบี้ยผู้พิการเพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เป็นจำนวนเงิน 200 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 5 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน 2562 โดยจะต้องเป็นผู้มีรายได้น้อยที่มีบัตรประจำตัวคนพิการเท่านั้น และสามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Capture: EDC) แอปพลิเคชันถุงเงินประชารัฐ หรือถอนเงินสดจากเครื่องถอนเงินอัตโนมัติได้

 

1.2 มาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่เกษตรกร เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่เป็นเกษตรกรในช่วงที่รายได้เกษตรกรหดตัว สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และปัจจัยการผลิตอื่นๆ เป็นจำนวนเงิน 1,000 บาทต่อคน (ได้รับครั้งเดียว) ซึ่งผู้มีรายได้น้อยสามารถใช้ซื้อสินค้าผ่านเครื่อง EDC แอปพลิเคชันถุงเงินประชารัฐ หรือถอนเงินสดจากเครื่องถอนเงินอัตโนมัติได้

 

1.3 มาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ช่วงเปิดปีการศึกษา เพื่อช่วยเหลือค่าชุดนักเรียนและอุปกรณ์การศึกษาช่วงเปิดปีการศึกษาเพิ่มเติมจากการช่วยเหลือของกระทรวงศึกษาธิการที่มีอยู่เดิม ซึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้พ่อแม่ เป็นจำนวน 500 บาทต่อบุตร 1 คน (ได้รับครั้งเดียว) โดยจะให้สิทธิตามจำนวนบุตรผ่านแม่หรือพ่อที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งผู้มีรายได้น้อยสามารถใช้ซื้อสินค้าผ่านเครื่อง EDC แอปพลิเคชันถุงเงินประชารัฐ หรือถอนเงินสดจากเครื่องถอนเงินอัตโนมัติได้

 

1.4 มาตรการพยุงการบริโภคของผู้มีรายได้น้อย เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพให้แก่ผู้มีรายได้น้อยและรักษากำลังซื้อของเศรษฐกิจฐานราก โดยเพิ่มวงเงินซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคจำเป็นในร้านธงฟ้าประชารัฐเป็น 500 บาท ต่อคนต่อเดือน เท่ากันทุกคน (เดิมได้ 300 บาท ให้เพิ่มอีก 200 บาท หรือเดิมได้ 200 บาท ให้เพิ่มอีก 300 บาท) เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน 2562

 

  1. มาตรการภาษีเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562

 

2.1 มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย ให้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าบริการที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ค่าที่พัก โรงแรม ค่าที่พักโฮมสเตย์ไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโฮมสเตย์ไทยจากกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และค่าที่พักในสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองหลัก ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 15,000 บาท และสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองรอง ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 20,000 บาท ทั้งนี้ รวมกันทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 20,000 บาท ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2562

 

2.2 มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการซื้อสินค้าเกี่ยวกับการศึกษาและกีฬา ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าซื้อสินค้าเพื่อการศึกษาและกีฬาที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รับใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 15,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 30 มิถุนายน 2562

 

2.3 มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นไทย ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 15,000 บาท ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2562

 

2.4 มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่าน ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าซื้อหนังสือและค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (e-Book) ที่จ่ายให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 15,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 แต่เมื่อรวมค่าซื้อหนังสือและค่าบริการ e-Book ของมาตรการช็อปช่วยชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 – 16 มกราคม 2562 แล้ว ต้องไม่เกิน 15,000 บาท

 

2.5 มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดินหรือห้องชุดในอาคารชุดที่มีมูลค่าไม่เกิน 5 ล้านบาท ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 200,000 บาท ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562

 

2.6 มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักรายจ่ายเป็นจำนวน 2 เท่าของรายจ่ายลงทุนเพื่อรองรับระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ที่จ่ายไปตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 สำหรับรายจ่ายลงทุน ดังต่อไปนี้ (1) เครื่องบันทึกการเก็บเงินและ (Point of Sale: POS) ระบบ POS ซึ่งเชื่อมโยงกับการรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (2) การพัฒนาระบบหรือค่าบริการเกี่ยวกับ e-Tax Invoice & e-Receipt (3) การพัฒนาระบบหรือค่าบริการ e-Withholding Tax

 

ทั้งนี้ การดำเนินนโยบายในระยะนี้จะมีต้นทุนของการดำเนินการที่ต่ำกว่าหากเทียบกับกรณีที่ปล่อยให้เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเพิ่มเติม อีกทั้งยังเป็นการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้มีรายได้น้อยและกระตุ้นให้เกิดบรรยากาศการใช้จ่ายภายในประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอีกด้วย

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้นกระทรงการคลัง เตรียมออกมาตรการแจกเงินเที่ยวเมืองรองคนละ 1,500 บาท เพื่อนำไปเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด จำนวน 10 ล้านคน ซึ่งใช้งบประมาณ 15,000 ล้านบาท ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก ทำให้กระทรวงการคลังได้ตัดสินใจยกเลิกโครงการดังกล่าวแล้ว โดยอ้างว่าไม่ได้เตรียมพร้อมเรื่องงบประมาณไว้ ทำให้มาตรการนี้ไม่สามารถนำงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินได้ มาใช้ได้เนื่องจากการใช้งบกลางจะต้องเป็นเรื่องที่ฉุกเฉินเท่านั้น รวมทั้งการดำเนินมาตรการนี้ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก

 

ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงเปลี่ยนเป็นใส่เงินเพิ่มในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน ให้ผู้มีรายได้น้อย จำนวน 14.5 ล้านคน นำเงินไปซื้อของในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐแทน โดยเพิ่มจำนวนเป็น 500 บาททุกราย ในเดือน พ.ค.-มิ.ย.2562 จำนวน 2 เดือน จากเดิมผู้ถือบัตรคนจนที่มีรายได้เกิน 30,000 บาทต่อปีแต่ไม่เกิน 100,000 บาท จะได้รับการเติมเงิน 200 บาท และผู้ถือบัตรคนจนที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี จะได้รับการเติมเงิน 300 บาท

 

อย่างไรก็ตาม จากการเพิ่มมาตรการนี้ จะทำให้โครงการที่เติมเงินผ่านบัตรคนจนเพิ่มเป็น 4 กลุ่ม ซึ่งจะใช้วงเงินรวมกันประมาณจำนวน 13,000 ล้านบาท ได้แก่

 

กลุ่มที่ 1 ผู้ที่มีบุตรกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาคนละ 500 บาท เพื่อซื้ออุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน ในเดือนพ.ค.นี้ จำนวน 2.6 ล้านคน

 

กลุ่มที่ 2 เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะได้รับเงินซื้อปุ๋ยจำนวน 1,000 บาท จำนวน 4 ล้านคน

 

กลุ่มที่ 3 คนพิการ จำนวน 1 ล้านคน จะได้รับเงินเพิ่มคนละ 200 บาท

 

กลุ่มที่ 4 คนจนที่ขึ้นทะเบียนไว้ 14.5 ล้านคน ได้รับเงินเพื่อนำไปซื้อของผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐ เป็นคนละ 500 บาท

 

matemnews.com

30 เมษายน 2562