Home มาเต็มกัญชา กัญชาชนเริ่มเดินขบวน 20 พ.ค.2562 จากพิจิตรเข้ากรุงเทพฯ – แฉนักการเมืองไทยปลูกกัญชาในลาวสกัดน้ำมันตุนไว้ 30 ตัน

กัญชาชนเริ่มเดินขบวน 20 พ.ค.2562 จากพิจิตรเข้ากรุงเทพฯ – แฉนักการเมืองไทยปลูกกัญชาในลาวสกัดน้ำมันตุนไว้ 30 ตัน

784
0
SHARE

 

 

 

มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี จ.เพชรบุรี จัด้สวนาเรื่อง เสวนาเรื่อง “กัญชารักษาหรือเสพติด” ที่ห้องประชุมภูมิแผ่นดิน เมื่อตอนเช้าวันที่ 2 พ.ค.2562 วิทยากร ประกอบด้วย

 

1.นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ  สุพรรณบุรี

 

2.ศาสตราภิชาน “ล้อม เพ็งแก้ว” ปราชญ์เมืองเพชร

 

3.นายปริญญา ศรีสุคนธ์

 

ปรากฏว่าประชาชนให้ความสนใจอย่างมาก  เข้าฟังเต็มห้อง ประมาณ 200 คน

 

นายเดชา กล่าวว่า

 

“ตั้งแต่เด็กผมมีภาพไม่ดีกับกัญชา เพราะเห็นคนสูบกัญชาแล้วไม่ทำงาน ผมเป็นคนไม่สูบบุหรี่และตอนนั้นเห็นว่ากัญชายิ่งกว่าบุหรี่ เพราะเป็นยาเสพติด แต่ผมต้องมาเกี่ยวข้องเพราะคิดว่าหากตนเป็นมะเร็งเหมือนแม่และน้าชายอีก 3 คนที่เป็นมะเร็งตับ ซึ่งโอกาสที่ผมจะเป็นมะเร็งมีอยู่มาก จึงคิดว่าหากมีวิธีอื่นที่ดีกว่า โดยไม่เลือกการฉายแสงหรือผ่าตัด จึงศึกษาเรื่องน้ำมันกัญชา เป็นเรื่องน่าเชื่อถือกว่า  ผมได้อ่านเรื่องของชาวแคนาดาที่เป็นมะเร็งอยู่โรงพยาบาล สุดท้ายหมอบอกว่าหมดโอกาสแล้ว แต่เขาเป็นคนใฝ่รู้และอ่านงานวิจัยต่างๆจนพบสารชนิดหนึ่งในน้ำมันกัญชาสามารถฆ่าเซลมะเร็งได้ จึงขอให้หมอเขียนใบสั่งยาให้ เพราะตอนนั้นกัญชาในแคนาดาเป็นสารเสพติด แต่หมอไม่ยอม เขาเลยลงมือสกัดเอง และเขาเริ่มกินโดยไม่มีหมอจนหาย และได้สกัดให้เพื่อนกินก็หายเช่นกัน ที่สุดเขาไปบอกหมอว่าปลูกและใช้กัญชารักษาหายหลายคนแล้ว แต่หมอไปแจ้งตำรวจ จนเขาถูกจับ แต่เขาไม่เข็ดยังคงปลูกอีก ตำรวจก็จับอีก เขาจึงหนีไปต่อสู้อยู่นอกประเทศ และตั้งมูลนิธิรักษาคนจนกัญชากลายเป็นสิ่งถูกกฎหมายในแคนาดา  ผมได้ทดลองสกัดตามที่ชาวแคนาดารายนี้ทำ และเริ่มทดลองใช้ แต่เพราะตามฝรั่งที่ให้กิน 4 เม็ดถั่วเขียว ทำให้คนไข้เมาและหลอน จึงไปหาพระรูปหนึ่งที่มรณภาพไปนานแล้ว แต่พูดผ่านร่างทรง แรกๆก็ไม่เชื่อ แต่พิสูจน์ด้วยการถามเรื่องกัญชา   พบว่าสิ่งที่พระบอกกลายเป็นเรื่องจริงทุกครั้ง ผมเอายาที่ทำไปถามว่ายานี้ให้คนไข้กินได้หรือไม่และหายหรือไม่ ท่านก็บอกให้กินก่อนนอน ครึ่งเม็ดถั่วเขียวไปเรื่อยๆ และงดของแสลง เช่น สัตว์เลือดอุ่น ของหมักดองทุกชนิด ของมึนเมา นอกจากนี้ยังมีเจ้ากรรมนายเวร หากต้องการให้หายจริงต้องทำให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรม นั่นคือต้องทำบุญให้เขา ปรากฏว่า 4 เดือนคนไข้คนนี้หายจริงๆ เมื่อครบ 6 เดือนไปหาหมอ ทำให้หมอแปลกใจและบอกว่าคนไข้รายนี้หายจากมะเร็งตับระยะสุดท้าย   นอกจากโรคมะเร็งแล้วก็นำมาพิจารณาเรื่องอื่น เพราะตอนที่วัย 65 ปีความจำเริ่มไม่ดีและมือเริ่มสั่น จึงถามพระในร่างทรงนี้อีกว่ารักษาได้หรือไม่  ท่านก็บอกว่ารักษาได้ โดยใช้น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 97% และน้ำมันกัญชา 3% ผมกินแค่ 10 หยดก่อนนอนเพื่อให้นอนหลับ ปรากฏว่าโรคก็หายไปเอง   จากที่เราค้นพบไม่เหมือนกับที่ฝรั่งหรือที่ใดๆในโลก  กัญชารักษาโรคไม่จำกัดที่เกิดจากร่างกายที่ไม่ใช่เชื้อโรค แต่ขัดกับความเชื่อว่าพืชตัวเดียวจะรักษาโรคได้เยอะอย่างไร แต่ในการใช้จริงเป็นเช่นนั้นจริงตอนนี้ผมอายุ 71 ปีแล้ว แต่กลับเป็นว่าเป็นช่วงที่สมองดีที่สุด เมื่อตอน 65 เคยสมองเสื่อมไปเยอะ แต่น้ำมันกัญชาสามารถฟื้นสมองได้ สามารถสร้างสมองใหม่มาเติมและจัดระเบียบให้สมองด้วย การฟื้นของสมองครั้งนี้ดีกว่าเดิม และสมอง 2 ซีกสามารถเชื่อมกันด้วย ทำให้ความคิดมีนวัตกรรมต่างๆได้ เป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก  คนในยุคปัจจุบันต้องพัฒนาให้เหนือเอไอ หรือปัญญาประดิษฐ์ให้ได้  กัญชาช่วยได้  ผมพบว่าสมองตัวเองดีกว่าเดิม ทำให้คนแก่มีศักยภาพมากกว่าคนหนุ่มสาว เพราะสะสมประสบการณ์มายาวนาน แต่คนแก่มักเอามาใช้ไม่ได้เนื่องจากสมองเสื่อม แต่ถ้าทำให้คนแก่สมองดีก็จะเป็นกำลังของประเทศคนแก่เพราะมีพร้อมทุกอย่าง เปลี่ยนจากภาระของชาติมาเป็นกำลังของชาติ  ผมยังเป็นคนแรกในโลกที่ใช้น้ำมันกัญชากับดวงตา ผมเคยเป็นต้อเนื้อ หมอบอกว่าไม่หายแล้ว หากดูแลดีก็ใช้ตาได้นานหน่อย แต่บังเอิญผมหยิบยาหยอดตาผิดขวด และเอาน้ำมันกัญชาไปหยอดตา พบว่าอาการดีขึ้นจนต้อเนื้อหายขาด ตอนนี้สายตาผมดีกว่าตอนอายุ 50 ปี  เพราะตอนนั้นต้องตัดแว่นอ่านหนังสือแล้ว แต่พอหยอดน้ำมันกัญชา ทำให้สายตาที่เคยสั้น กลับมาปกติ   แพทย์มี 2 สำนัก คือ แพทย์สมัยใหม่ที่คิดแบบแยกส่วน เมื่อคนเป็นโรคก็บอกว่าเกิดจากเชื้อโรค และเวลารักษาก็เอายาไปสู้อาการนั้นโดยตรง อีกสำนักหนึ่งคือแพทย์แผนไทยที่คิดว่าร่างกายผิดปกติ ก็ต้องจัดการตัวเอง ร่างกายประกอบด้วยธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ หากสมดุลกันก็ปกติ หากป่วยก็ต้องปรับธาตุให้สมดุลโดยมองแบบองค์รวม กัญชาที่ผมคิดก็ใช้แบบองค์รวม แต่ฝรั่งใช้กัญชาแบบแยกส่วน แค่เอาสารที่เป็นพระเอกมา 3-4 ตัวไปสู้กับโรคโดยตรง  เป็นการแพทย์สมัยใหม่   แต่เราใช้หลักการเดียวกับแพทย์แผนไทย โดยกัญชาทำให้นอนหลับยาวพอ 6-10 ชั่วโมงและหลับลึกให้สมองและร่างกายได้ซ่อมตัวเอง แต่ยังไม่พอต้องหลับฝันด้วยสัก 10-30 % ของการนอนช่วยปลดปล่อยอารมณ์ค้างของความเครียด  คนในปัจจุบันรับข้อมูลข่าวสารเข้าไปมากเพราะต่างก้มหน้าก้มตาดูข้อมูลในมือถือ เมื่อเอาเข้าไปเยอะแต่ฝันน้อย ทำให้กลายเป็นโรคต่างๆโดยเฉพาะโรคซึมเศร้า แต่กัญชาทำให้คนหลับฝันและหลับลึก ที่สำคัญคือการหายใจที่เอาออกซิเจนเข้าไปซ่อม หากหายใจไม่ดีก็ไม่สามารถซ่อมได้ มีการกรนและหยุดหายใจแต่น้ำมันกัญชาช่วยได้เพราะกัญชาทำให้คุณภาพการนอนดีขึ้น ช่วยซ่อมแซมทุกส่วนของร่างกาย และร่างกายก็ฟื้นเอง เราใช้กัญชาพันธุ์ไหนก็ได้ ขอให้นอนหลับอย่างเดียว แต่หลับมากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี  ตอนนี้กำลังประสานกับจุฬาฯในการวิจัยพันธุ์กัญชา  3 เดือนนี้จะรวบรวมพันธุ์กัญชาไทยให้ได้มากที่สุด และดำเนินการควบคู่กับการจัดทำยา โดยประเทศไทยมีพันธุ์กัญชาหลากหลาย แต่ถูกปกปิดมานาน ถ้าไม่รีบฟื้นฟูขึ้นมาก็จะสูญหาย เราไม่ต้องการทำแค่ยา จังหวัดเพชรบุรี เป็นแหล่งกัญชาโบราณ ได้ยินว่าจะมีแปลงกัญชาป่าขนาดใหญ่ซึ่งถูก ป.ป.ส.ตัดไป  เรื่องนี้คงต้องคุยกันว่าอย่าไปตัดเลย  แต่นำมาวิจัยดีกว่า เพราะกว่าจะหลุดรอดมาได้ในป่าก็หายาก ควรเอาพันธุ์นี้มาใช้  แต่เบื้องต้นคือต้องทำให้กัญชาหลุดออกจากยาเสพติดก่อน ตอนนี้เรากำลังวางแผนเดินเท้าตั้งแต่ พิจิตร มายัง สุพรรณบุรี ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.62 ซึ่งเป็นวันหมดระยะเวลานิรโทษกรรม โดยใช้เวลา 20 วัน เพื่อเรียกร้องให้มีการแก้กฎหมายและระดมทุน หากยังแก้ไขกฎหมายไม่ได้ คนผลักดันกฎหมายเป็นใครคนนั้นก็ได้ประโยชน์ เช่นกลุ่มทุนใด  หรือพรรคการเมืองใดผลักดัน ผลประโยชน์ก็ได้กับคนกลุ่มนี้ แต่ไม่ถึงภาคประชาชน  สาเหตุที่ต้องเดินและแก้กฎหมาย เพราะคำนวณแล้ว หากทำตามกฎหมายในปีหนึ่งแจกยาคนไข้ได้ไม่ถึง 1 หมื่นคน หรืออย่างมากก็ 5 พันคน แต่ปัจจุบันมีผู้ป่วยแอบใช้กัญชาราว 8 แสนถึง 2 ล้านคน และอนาคตจะเพิ่มเป็น 10 ล้านคน เพราะฉะนั้นมีทางเดียวคือต้องแก้กฎหมาย ที่ผมกล้าทำเรื่องกฎหมายต่อเพราะเชื่อว่ากัญชาเป็นของศักดิ์สิทธิที่ไม่ให้ใครไปผูกขาด ไม่ให้นายทุนหากิน และเป็นของทุกคน เราจึงต้องเคลื่อนไหวเรื่องกฎหมายแต่ต้องมีความเพียรสุดๆกันก่อนเหมือนพระมหาชนก อีกฝ่ายหนึ่งโลภเพราะอยากได้ประโยชน์ แต่เราให้ทาน เอาไปแจกจึงเชื่อว่าเทวดาอยู่ฝ่ายเรา   ก่อนที่ตำรวจจะเข้ามาตรวจค้นและจับกุมที่มูลนิธิข้าวขวัญ ผมได้ไปพูดและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่าต้องการให้มีการแจกน้ำมันกัญชาใน 1 วัด 1 อำเภอ คาดว่าหากทำเช่นนี้สิ้นปีก็แจกยาได้ 1 ล้านเม็ด แต่การทำเช่นนี้ทำให้เงินของพวกใต้ดินที่ขายน้ำมันกัญชาหายไปราว 100 ล้านบาท ผมเชื่อว่าตรงนี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้เราถูกจับ และในตอนนี้ราคาของน้ำมันกัญชาได้เพิ่มสูงขึ้นจากเม็ดละ 100 บาทเป็นเม็ดละ 300 บาท มีคนบอกผมว่าที่เขาจับ เพราะผมท้าทายเขาเกินไป ช่วงนั้นผมไปลาว จริงๆแล้วอยากรีบกลับมาเคลียร์ตั้งแต่แรก แต่มีคนบอกว่าไม่ต้องกลับดีกว่าเดี๋ยวจะยุ่งกันใหญ่ ยิ่งในวันหลังๆข่าวดังมากขึ้น แม้แต่ในลาวก็ต่างรับรู้กัน  พอวันท้ายๆก่อนกลับ มีคนที่เป็นหมอใหญ่ของลาว และทำเรื่องกัญชาใหญ่ที่สุดในลาวมาหาผม เขาบอกว่าเข้าใจเรา และเขายังบอกว่าเมื่อปีที่แล้วมีนักการเมืองไทยคนหนึ่ง ได้ว่าจ้างให้คนลาวปลูกกัญชาหลายพันไร่ สามารถกลั่นเป็นน้ำมันกัญชาได้ถึง 30 ตัน ราคากลางลิตรละ 5 แสนบาท หรือตันละ 500 ล้านบาท  เขามี 30 ตัน คือ 1.5 หมื่นล้านบาท เขาได้เงินก้อนนี้แน่ๆ ปีนี้เขาจะไปทำอีก แต่ทางการลาวห้าม แต่ 30 ตันที่เขามีอยู่กำลังหาทางปล่อยอยู่ ขณะที่ของเราแจกฟรี จึงมีการจัดการผม เพราะเงินของเขาตั้ง 1.5 หมื่นล้าน และกำลังเพิ่มขึ้นสูงถึง 3 หมื่นล้านบาท เพราะตอนนี้ราคาปรับตัวขึ้นมาก”

 

ศาสตราภิชานล้อม กล่าวว่า

 

“เรื่องกัญชากำลังโด่งดังจึงเป็นเรื่องที่ควรมีการหารือกัน ขณะที่ภาคประชาชนรวมตัวกันกว้างขวางที่สุดเกี่ยวกับกัญชา และมีการบริจาคเงินจำนวนมาก เพื่อประกันตัวนายพรชัย หรืออาจารย์ซ้ง เราจัดงานครั้งนี้เพราะต้องการเข้าใจเรื่องกัญชา ในอดีตเมืองเพชรเป็นแหล่งปลูกกัญชาที่ดีที่สุด   เป็นรายได้รองจากอาหารทะเลแห้ง แต่ตอนหลังฝรั่งอยากขายยาของตัวเอง จึงบีบบังคับให้รัฐบาลออกกฎหมายให้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ที่เมืองเพชรยังใช้กัญชาเป็นประโยชน์มาตลอด โดยเฉพาะร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อยๆมักมีกัญชาผสมอยู่ในน้ำซุป และกัญชามักถูกทำให้ปิดบังซ่อนเร้นมาโดยตลอด ทำให้การศึกษาหาความรู้เรื่องกัญชาเป็นเรื่องลำบาก แต่โอกาสนี้เป็นโอกาสดี และกัญชามีประโยชน์มหาศาล จึงไม่ควรปิดปังกันเอาไว้อีกแล้ว ควรมีการปรับปรุงพันธุ์  แต่ที่น่าห่วง คือ กัญชาจะกลายเป็นของบริษัทยา หรือทุนผูกขาด ฟังจากอาจารย์เดชาแสดงว่าปัจจุบันมีน้ำมันกัญชาของนักการเมือง 30 ตันขายอยู่ในตลาดมืด  เป็นเรื่องน่าสงสัยมาก ลักษณะเช่นนี้ทำให้กลัวว่าสิ่งที่พวกเรากำลังต่อสู้ ท้ายที่สุดจะกลายเป็นสมบัติของนักการเมือง กลายเป็นการเตะหมูเข้าปากหมา ยิ่งเราดิ้นเท่าไหร่นักการเมืองยิ่งชอบ ทุกวันนี้เวลารัฐบาลทำอะไรก็มองดูชอบกั๊ก อาจเป็นเพราะฟังนายทุนอยู่ก็ได้”

 

matemnews.com

2 พฤษภาคม 2562