Home มาเต็มกัญชา รมว.สธ.ย้ำกัญชาเป็นยาเสพติด – อนุทินสวน “เป็นพืชสมุนไพร”นานแล้ว

รมว.สธ.ย้ำกัญชาเป็นยาเสพติด – อนุทินสวน “เป็นพืชสมุนไพร”นานแล้ว

411
0
SHARE

 

เฟชบุ้ค Anutin Charnvirakul

https://bit.ly/2K8l1XV

“ผมเห็นต่าง

 

กัญชาเป็นพืชสมุนไพรที่มีคุณค่าทางการแพทย์

 

กระทรวงสาธารณสุข มีหน้าที่สนับสนุน แนะนำ ให้ความรู้ประชาชน ใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และรักษาโรค อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการทางการแพทย์ ทั้งแพทย์แผนไทย และแพทย์แผนปัจจุบัน

 

กระทรวงสาธารณสุข ต้องยืนเป็นหลักการวิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อการแพทย์ โดยต่อ ยอดจากภูมิปัญญาไทย ซึ่งมีมานานแล้ว”

 

https://www.tnnthailand.com

https://bit.ly/2EDQEVK

 

 

สธ. ย้ำ กัญชาเป็นยาเสพติด ตามมติองค์การอนามัยโลก ชี้ หากไทยแก้กฎหมายเปิดเสรีกัญชา ส่งผลกระทบแน่นอน ด้าน รพ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี สั่งจ่ายยากัญชาให้ผู้ป่วย อยู่ระหว่างตรวจสอบ

 

วันนี้ (27 พ.ค.62) นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีผู้ป่วยไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลหนองฉาง อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี และแพทย์ได้สั่งจ่ายยากัญชา สารสกัดน้ำมันกัญชา รักษาโรคให้ผู้ป่วยเป็นจำนวนมากนั้น ว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อยู่ระหว่างการติดตามกรณีดังกล่าว ยืนยันไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งตามข้อสังเกคของหลายคน โดยใครจะพูดอย่างไรก็เรื่องของเขา ขอให้ดูผลที่ทางสธ.ได้ดำเนินการ ซึ่งในอนาคตจะมีการอบรมบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มเติมให้ครอบคลุมในทุกระดับในการสั่งจ่ายยากัญชาให้ผู้ป่วย แต่เนื่องจากมีจำนวนมาก จึงต้องทยอยดำเนินการ

 

อย่างไรก็ตาม สถานพยาบาลที่จะสั่งจ่ายยากัญชาได้นั้น ต้องได้ผ่านการรับรองอย.ก่อน สำหรับรายงานตัวเลขผู้ใช้น้ำมันกัญชาเกินขนาดแล้วได้รับผลกระทบจนต้องเข้าโรงพยาบาลนั้น ขณะนี้พบมีการรายงานมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีการเก็บตัวเลขที่ชัดเจน ทั้งนี้ ขอเตือนประชาชนในการใช้น้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้น เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้ใช้หยดน้ำใต้ลิ้น แล้วได้รับผลกระทบจากการใช้ เช่น หลับไม่รู้เรื่องเป็นเวลากว่าหนึ่งวัน ดังนั้น หากจะใช้ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีและต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์

 

“ยืนยันว่ากัญชายังเป็นยาเสพติด เนื่องจากเข้าร่วมการประชุมสมัชชาโลกครั้งล่าสุดของ องค์การอนามัยโลก ที่นครเจนีวา ซึ่งตนได้เข้าหารือกับรองผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ผู้แทนประเทศสวิซเซอร์แลนด์และเนเธอร์แลนด์ โดยมีความชัดเจนว่ายังคงประกาศให้กัญชาเป็นสารเสพติด เพียงแต่ในกัญชามีสาร 2 ส่วน ได้แก่ สารซีบีดีและสารทีเอชซีที่สามารถนำใช้รักษาโรคได้ ซึ่งสารบางตัวต้องควบคุมปริมาณและอยู่ภายใต้การควบคุม โดยสารทีเอชซีในกัญชาที่ให้ฤทธิ์มึนเมาและมีมากในกัญชา องค์การอนามัยโลกประกาศให้ต้องต่ำกว่าร้อยละ 0.2 ถึงจะสามารถนำมาสกัดหรือประกอบผลิตภัณฑ์ในรูปแบบอื่นได้ เช่น ช็อคโกแล็ต ลูกอม เป็นต้น” นพ.ปิยะสกล กล่าว

 

นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ยืนยันว่ากัญชาในไทยยังคงเป็นยาเสพติดตามกฎหมาย แต่ไทยมีความก้าวหน้าและทันสมัยกว่าประเทศอื่น เนื่องจากไทยประกาศให้มีการใช้กัญชาทางการแพทย์ได้เพื่อประโยชน์ในการรักษาภายใต้การสั่งจ่ายของแพทย์ โดยแพทย์ผู้สั่งจ่ายจะถูกอบรมและได้รับใบอนุญาตโรคให้ประกอบโรคให้ใช้กัญชาได้ ซึ่งกัญชาจะต้องมีฤทธิ์ทางยาทั้งในการแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย ส่วนข้อเรียกร้องให้ไทยเปิดกัญชาเสรี มองว่าจะส่งผลกระทบมากกว่าผลดีอย่างแน่นอน เพราะปัจจุบันแม้ไม่มีการเปิดเสรีไทยยังคงมีแนวโน้มผู้ติดยาเสพติดเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะกัญชา ดังนั้น หากประเทศไทยจะแก้กฎหมาย ต้องคำนึงว่าประเทศต้องอยู่บนโลกใบนี้ร่วมกับประเทศอื่นอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี

 

“ในบางประเทศที่เปิดกว้างกัญชา นำกัญชามาสกัดในรูปแบบต่างๆ ก็มีการควบคุมปริมาณการใช้สารออกฤทธิ์ในกัญชา ก่อนที่จะนำมาสกัด เช่น สวิสเซอร์แลนด์ที่มีการขายกัญชาตามร้าน ทั้งในรูปแบบขนม ลูกอม ช็อคโกแลต ยังคงมีการกำหนดปริมาณสารสกัดกัญชาทีเอสซีต่ำกว่าร้อยละ 0.1 และหากสารสกัดกัญชาที่มีทีเอสซีมากกว่าร้อยละ 0.1 ซึ่งทำเป็นยานั้น แพทย์จะต้องเป็นคนสั่งจ่าย และแพทย์ต้องมีใบรับรองการสั่งจ่ายยากัญที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยสวิสเซอร์แลนด์ไม่ได้เปิดเสรีทั้งหมด” นพ.ปิยะสกล กล่าว

 

matemnews.com 

28 พฤษภาคม 2562