Home บันเทิง ถอดบทเรียน “ปั้นจั่น” พูดผิดนิดเดียว? ประชาชนร่วมใจแบนผลงาน

ถอดบทเรียน “ปั้นจั่น” พูดผิดนิดเดียว? ประชาชนร่วมใจแบนผลงาน

3255
0
SHARE

ในยุคสังคมโซเชี่ยลที่อุดมไปด้วยการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเปิดเผยต่อประเด็นเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม ถ้าหากจะเปรียบเทียบกับสังคมไทยเมื่อ 10 ปีก่อน ที่ข่าวสารต่างๆ ยังไม่เดินทางเข้าถึงประชาชนแบบชนิดที่ว่าง่ายจนอยู่ในมือเหมือนสมัยนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง 

กรณีของดาราชื่อดังอย่าง ปั้นจั่น ปรมะ ดาราหนุ่มขวัญใจสาวๆ ก็นับว่าเป็นตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในยุคข้อมูลข่าวสารโซเชี่ยลเฟื่องฟูต่อประชาชนทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ แม้กระทั่งตาสีตาสาคนแก่วัย 60 กว่าๆ ที่ไม่เคยรู้จักพ่อหนุ่มคนนี้ก็ได้รู้จักเขาไปโดยปริยายกับกรณีแสดงความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับการเมืองออกมาสู่โลกโซเชี่ยลผ่านทางแอคเค้าท์เฟซบุ๊กส่วนตัวของเขา ท่ามกลางความเครียดแค้นของประชาชนที่กำลังประทุกันเป็นวงกว้างหลังผลการเลือกตั้งที่เพิ่งจะออกมาได้ไม่นาน

ถามว่า ปั้นจั่น ผิดอะไร? แน่นอนว่าถ้าหากพูดตามหลักประชาธิปไตยดาราหนุ่มคนนี้ก็เพียงแต่แสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชนคนหนึ่งของประเทศเท่านั้น ดังนั้นไม่ผิดแน่นอน.. แต่ไม่ผิด 100% หรือไม่อันนี้ไม่คอนเฟิร์ม เพราะอย่าลืมว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่แบ่งขั้วทางการเมืองมายาวนานแล้ว

ยิ่งยุค 10 ปีให้หลังมานี้ที่คนไทยแทบทุกคนมีเฟซบุ๊กส่วนตัวไว้ใช้ติดตามข่าวสารเป็นของตัวเองอยู่ในมือ ไม่ใช่สังคมที่จะรอเปิดแค่ทีวีหรือรอกลับบ้านไปเปิดคอมพิวเตอร์เพื่ออ่านข่าวดังเช่นสมัยก่อนแล้ว ทำให้เรื่องราวของปั้นจั่นเหมือนไฟลามทุ่งไปอย่างรวดเร็ว และที่ร้ายแรงไปกว่านั้นก็คือความคิดเห็นของพระเอกหนุ่มคนนี้เรียกว่าโผล่มาค่อนข้างผิดจังหวะ และอาจจะด้วยข้อความของเขาที่โพสต์ออกมานั้นดูเป็นการตัดสินประชาชนที่ไม่ใช่ความจริงทั้งหมดจนเกินไป จากข้อความที่ว่า “รัฐบาลไหนก็สืบทอดอำนาจเหมือนกัน เอาเวลาไปทำงาน ไปทำบุญ ไม่ใช่เอาแต่ปาร์ตี้กินเหล้า” ก็เลยทำให้เกิดปรากฎการณ์ “โมโหหมู่” เพราะนัยยะในข้อความนั้นแฝงไปด้วยความบ้องตื้นของดาราหนุ่ม ที่(น่าจะ)ไม่ตระหนักรู้ด้วยซ้ำว่าประชาชนได้รับผลกระทบจากรัฐบาลเก่าใน 5 ปีที่แล้วอย่างไรท่ามกลางสถานการณ์ของประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจอันดับต้นๆ ของโลก ครั้นจะให้หาเงินวันหนึ่งได้หลักหลายหมื่นหรือหลักหลายแสนเหมือนดาราดังก็คงจะทำไม่ได้ ดังนั้นความโมโหของประชาชนที่เหมือนถูกดาราหนุ่มคนนี้ด่าเหมารวม จึงพาลทำให้ส่งผลกระทบต่อผลงานของเขาในที่สุด และดูยิ่งจะบานปลายมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นจะแบนสินค้าทุกชนิดที่พระเอกหนุ่มคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกันเลยทีเดียว

สังคมไม่ได้แสดงให้เห็นว่ากำลังโมโหจนแยกแยะไม่เป็น หรือห้ามดารามีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นใดๆ ทางการเมือง แต่สังคมกำลังสะท้อนให้เห็นว่าคนชอบก็มี แต่คนที่ไม่ชอบความคิดเห็นของดาราหนุ่มก็มีอยู่อีกเยอะแยะมากหลาย ดังนั้นคำพูดหรือความคิดของบุคคลสาธารณะอย่างดารานั้นควรพูดและคิดให้ถูกต้อง อย่าคิดน้อยเด็ดขาด!! ควรหาความรู้มาก่อน และไม่ควรแฝงไปด้วยคำดูถูกประชาชน เพราะความจริงแล้ว ดารากว่าจะแจ้งเกิดจนดังมีชื่อเสียงขึ้นมาได้ก็ต้องมีฐานแฟนคลับที่คอยสนับสนุนและอุดหนุนผลงานของคุณ และฐานแฟนคลับเหล่านี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือประชาชนนั่นเอง

อนึ่ง ประชาชนคนไทยมีพัฒนาการด้านการ เข้าถึง วิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นสังคมที่มากขึ้นและแข็งแกร่งต่อข้อมูลต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ดังจะเห็นได้จากข่าวที่นักเรียนชั้นมัธยมของโรงเรียนต่างๆ ที่ยังไม่มีสิทธิเลือกตั้งเลยด้วยซ้ำออกมาแสดงออกทางการเมืองกันอย่างล้นหลาม หรือแม้แต่คนแก่ที่ไม่เคยดูข่าวบันเทิง ไม่เคยรู้จัก ปั้นจั่น อย่างที่กล่าวไปข้างต้นก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นการที่จะบอกว่าดาราเป็นไอดอล เป็นผู้นำเทรนด์ หรือแม้กระทั่งเป็นผู้นำทางความคิดของประชาชนคนธรรมดาคงเป็นเรื่องไม่จริงอีกต่อไปแล้ว หรือสรุปสั้นๆ ว่าดาราไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาลเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนนั่นเอง