นพ.เวสารัช เวสสโกวิท ที่ปรึกษาผู้อำนวยการด้าน วิชาการ สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิ ดเผยว่า “ภายหลังที่กรมการแพทย์ลงนามบันทึกความร่วมมือกับองค์การเภสัชรกรรม(อภ.) ในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับกการนำน้ำมันกัญชาเมดิคัลเกรดที่ อภ.จะผลิตมาใช้ในการวิจัยรักษาโรค
โดยในส่วนของสถาบันโรคผิวหนัง เบื้องต้นจะดำเนินการศึกษาวิจัยสารสกัดน้ำมันกัญชาสำหรับโรคผิวหนัง 2 โรค ได้แก่ โรคสะเก็ดเงินและกรรมพันธุ์ผิวหนังชนิด หนังหนาแต่กำเนิด เนื่องจากเป็นโรคที่มีรายงานจากผู้ป่วยว่า สามารถใช้รักษาได้ผล แต่ในประเทศไทยยังไม่มีการวิจัยที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิผลของการใช้สารสกัดน้ำมันกัญชาสำหรับทั้ง 2 โรคนี้ ซ่ึงสถาบันฯ จะวิจัยในรูปแบบของยาทา โดยขอรับการสนับสนุนน้ำมันกัญชาจาก อภ.”
ทั้งนี้ หากไม่มีโรคแทรกและเป็นสะเก็ดเงินน้อยกว่าร้อยละ 5-10 ของพื้นที่ผิวหนังทั่วร่างกายจะใช้ยาทาเป็นหลัก แต่หากเป็นเกินร้อยละ 5-10 ของพื้นที่ผิวหนังทั่วร่างกายหรือเป็นบริเวณที่มีปัญหามากๆ เช่น บริเวณใบหน้า อวัยวะเพศ ฝ่ามือ อาจจะพิจารณาใช้การฉายเสง หรือการให้ยารับประทาน หรือยาฉีดขึ้นอยู่กับความจำเป็น เนื่องจากยาทามาตรฐานที่มีการใช้อยู่ปัจุบัน จะได้ผลดีในกลุ่มที่เป็นสะเก็ดเงินในบริเวณไม่กว้าง แต่ยังมีคนไข้จำนวนมากที่เป็นบริเวณกว้างกว่า ร้อยละ 5-10 ของพื้นที่ผิวหนัง กลุ่มนี้ใช้ยาทาอย่างเดียวได้ผลไม่ค่อยดี หากผลการศึกษาวิจัยพบว่าสารสกัดกัญชาใช้รักษาในผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินได้ผล ก็จะเป็นอีกทางเลือกให้กับคนไข้สะเก็ดเงินในการใช้รักษา
นพ.เวสารัช กล่าวอีกว่า ในการศึกษาวิจัยนำสารสกัดกัญชามาใช้ในการรักษาโรคนั้น ใช้เวลาเตรียมยาไม่นาน แต่ระยะเวลาศึกษาวิจัยอย่างน้อยต้องใช้เวลาเป็นปี และยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะใช้งบฯ เท่าไหร่ เพราะต้องรอความชัดเจนของปริมาณผลิตภัณฑ์ที่ อภ.จะผลิตได้และส่งมอบให้สถาบันโรคผิวหนังก่อน แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่สารสกัดน้ำมันกัญชาต้องผลิตจากแหล่งหรือหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เพราะจะต้องปลอดภัยและไม่มีสิ่งเจือปน”
นพ.เวสารัช กล่าวทิ้งท้ายว่า ในต่างประเทศยังมีการศึกษานำสารสกัดกัญชามาใช้รักษาโรคผิวหนังน้อยเช่นกัน เท่าที่เห็นมีงานวิจัยของประเทศอังกฤษที่มีรายงานใช้ในโรคตุ่มน้ำพองแต่กำเนิด เพื่อลดอาการปวด ซึ่งก็เป็นการใช้เพื่อระงับปวดเหมือนกับการใช้ในผู้ปวยอื่นๆ ส่วนการวิจัยกัญชาในการรักษาสิวนั้น แล้วแต่การตัดสินใจของผู้วิจัย เนื่องจากการรักษาสิวตามมาตรฐานของปัจจุบันได้ผลดีอยู่แล้ว