นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ไปราชการที่ขอนแก่นเมื่อตอนเช้า31 ก.ค.2562 นักข่าวยังคงเกาะติดถามการขับเคลื่อนกัญชาทางการแพทย์ ตอบ ว่า
“ขณะนี้องค์การเภสัชกรรม จะมีการเร่งผลิตน้ำมันกัญชาขวดละ 5 ซีซี ภายใน 5-6 เดือน ให้ได้จำนวน 1 ล้านขวด เพื่อนำมาใช้ในรพ.สังกัด สธ. และจะขยายบริการออกไปมากขึ้นในอนาคต การผลิตไทยจะต้องมีการปลูกกัญชาเอง ซขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้เริ่มทยอยอนุญาตให้ปลูกในพื้นที่ควบคุมหลายแห่งแล้ว และหลังเสร็จภารกิจตรงนี้กลับไปผมจะลงนามในกฎกระทรวงว่าด้วยการรับรองหมอพื้นบ้าน เพื่อให้หมอพื้นบ้านทั้ง 3,000 คนได้เป็นหมอพื้นบ้านตามพ.ร.บ.วิชาชีพการแพทย์แผนไทย และหากมีตำรับกัญชาที่อนุญาตแล้วก็จะสามารถนำมาใช้ดูแลประชาชนได้ สิ่งที่จะไม่เกิดขึ้นแน่ๆ คือไม่ปล่อยให้ต่างชาติมาปลูกกัญชาด้วยตัวเอง และไม่ให้เข้ามาจดสิทธิบัตรสายพันธุ์กัญชา แล้วทำให้คนไทยปลูกเองไม่ได้ แต่ที่คุยๆคือเรื่องเทคโนโลยี และถ้าในอนาคตต่างชาติจะซื้อได้ เพราะตลาดมีมูลค่าสูง 100-1,000 ล้านบาท กำหนดสเปคมา ผมเป็นนักธุรกิจก็คิดแบบนี้ ไม่ใช่ say no ไปหมด ข้อกังวลเรื่องนอมินีเหมือนเรื่องการปลูกข้าว ปลูกกล้วย ผมขอเน้นว่าเรื่องกัญชามีการเข้มงวดกว่าเยอะ การปลูกกัญชาต้องทำโดยคนไทย ไม่ใช่รับจ้างปลูกแล้วได้รับแค่ค่าแรง ข้อกังวลผลกระทบการใช้ยำกัญชาผมยืนยันว่า ถ้าใช้อย่างถูกต้องทางการแพทย์ จะไม่มีเกิดปัญหาและกระทรวงก็มีการเฝ้าระวัง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา เกิดจากการใช้ของใต้ดิน ใช้เกินปริมาณ ไม่รู้ว่าใครผลิตและปลอดภัยหรือไม่”
หลังจากนั้น นายอนุทินที่ พ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น พบอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ได้กล่าวว่า
“ทราบว่าทุกคนอยากจะได้เงินเพิ่ม แต่ต้องยกระดับพัฒนาตนเอง ยกระดับเป็นหมอประจำบ้านและหมอประจำหมู่บ้าน ย้ำคำว่าหมอไม่ใช่แพทย์ แต่หมอคือคนที่ช่วยคนเจ็บไข้ได้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือ ให้ได้รับการรักษาโดยเร็ว และไม่ให้เสียชีวิต ส่วนแพทย์คือการรักษาพยาบาล ถ้าทำได้จะได้นำไปขอนายกรัฐมนตรีให้สนับสนุน เพราะ อสม.จะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยดูแลสุขภาพ ลดการเจ็บป่วยของประชาชน และช่วยคัดกรองผู้ป่วยเบื้องต้นเพื่อไม่ให้ไปแออัดที่รพ. ได้ รวมถึงเรื่องกัญชาที่ใช้รักษาโรค วันนี้ปัญหาคือไม่มีของ อาจจะให้ปลูกในโรงพยาบาล และให้อสม.มาช่วยเหลือ ปลูกแล้วเอาไปเป็นตัวอย่างให้กับชาวบ้าน อยากให้มองกัญชาเป็นยา อย่ามองว่าเป็นยาเสพติด อย่างที่ผมได้ยินมาว่าผู้ป่วยมะเร็งที่รับยาคีโม แน่นอนว่ากัญชาไม่ได้รักษาโรคได้ แต่ช่วยให้กินได้ นอนได้ แต่จะปล่อยให้ปลูกสุ่มสี่สุ่มห้าก็ลำบากไม่อย่างนั้นอาจจะมีการลักลอบเอาไปสูบเพื่อสันทนาการโดยเฉพาะวัยรุ่น ดังนั้นต้องมีการควบคุมที่ดี โดยให้อสม.เป็นผู้ดูแล อนาคตถ้าเป็นไปได้ก็จะสร้างรายได้ให้กับอสม.ได้อีกทางหนึ่งด้วย โดยขายให้กับองค์การเภสัชกรรม หรือ รพ.ในพื้นที่ เราเอาจากใต้ดินขึ้นมาบนดิน หากรัฐบาลไม่มีเงินก็เอากัญชามาเป็นรายได้เพิ่มเติมให้กับอสม.”
matemnews.com
31 กรกฎาคม 2562