เฟขบุ้คองค์การเภสัชกรรม https://bit.ly/2ZEyuf3
องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้นำน้ำมันกัญชา ที่ได้จากต้นกัญชาปลูกแปลงแรกที่โรงปลูก คลอง 10 ถนนรังสิต – องครักษ์ ล็อตแรก 4,500 ขวด สูตร THC สูงมามอบให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯควบ รมว.สาธารณสุข ที่กระทรวงเมื่อ 11.30 น.วันที่ 7 ส.ค.2562 โดย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ.ร่วมในงานด้วย
“ขอบคุณ อภ.ที่ตอบสนองต่อนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ จนนำมาสู่การรักษาโรคในประชาชน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงที่ผมเข้ามาเป็นรัฐมนตรีเพียง 3 สัปดาห์ แต่มีการวางแผนและเตรียมการกันมาก่อนแล้ว ไม่ได้ทำแบบลวกๆ เพราะมีการทำออกมา 3 สูตร คือ 1.สูตรทีเอชซี มีสีแดง ต้องมีการกำกับดูแลใกล้ชิด จำนวน 4,500 ขวด 2.สูตรซีบีดี มีสีเขียว จำนวน 500 ขวด 3.สูตรทีเอชซีต่อซีบีดีเป็น 1 ต่อ 1 จำนวน 1,500 ขวด รวมเป็น 6,500 ขวด วันนี้ อภ.นำสูตรทีเอชซีมามอบให้จำนวน 4,500 ขวด แต่ไม่เกินสิ้นเดือน สิงหาคมนี้จะนำมามอบให้ทั้งหมด การนำมาใช้รักษาขึ้นกับการวินิจฉัยของแพทย์ว่าโรคอะไรเหมาะที่จะใช้สูตรไหน และการใช้ภายใต้การกำกับของแพทย์จะไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อสังคมและการเสพติด ไม่มีการมึนเมาหรือเสียชีวิต บางคนบอกว่า ทำไปเพื่ออะไร มอมเมาสังคม หัวเราะกันทั้งประเทศ อันนี้ไม่ใช่ นี่เป็นเรื่องของทางการแพทย์ กัญชาเสรีทางการแพทย์เริ่มนับจากจุดนี้เป็นต้นไป พวกผม 2 คนทำตามสิ่งที่พวกผมได้สัญญากับประชาชนไว้แล้ว สารสกัดกัญชาของ อภ.ผ่านการรับรองโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีความปลอดภัย มีมาตรฐานเดียว ไม่มีสารปนเปื้อน แต่ที่ออกมาช้าเพราะคำนึงถึงความปลอดภัย จากนี้จะต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ ทำความเข้าใจพี่น้องประชาชน เริ่มให้โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์และวิชาการเริ่มได้ปลูก ให้ความรู้แพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. ค่อยๆ ทยอยไป แล้ววันหนึ่งการปลูกกัญชา 6 ต้นต่อบ้านก็จะประสบความสำเร็จ นี่คือ สิ่งที่เราพยายามทำให้ประชาชนจากการทำงานในสัปดาห์ที่สองของคณะรัฐมนตรีน้ำมันกัญชาที่ อภ.มอบให้วันนี้ ปลัด สธ.จะนำไปใช้ในโรงพยาบาลสังกัด สธ. 12 แห่ง และอธิบดีกรมการแพทย์จะนำไปใช้วิจัยว่า สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้หรือไม่ ถือเป็นข่าวดีต่อวงการแพทย์และสาธารณสุขไทย และจะมีการติดตามประสิทธิภาพ ถ้าพิสูจน์ได้ว่ามีประสิทธิภาพดีจริง เมืองไทยน่าจะเป็นผู้นำสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มโอกาสอุตสาหกรรมยามีมูลค่าเพิ่ม สร้างรายได้ประเทศ และบรรจุเข้าบัญชียาหลักแห่งชาติและหลักประกันสุขภาพแห่งชาติต่อไป ถือเป็นข่าวดีที่ทำให้ความหวังการรอคอยของหลายฝ่ายได้เริ่มแล้ว”
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข กล่าวกับผู้ร่วมพิธี
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. กล่าวรายงานว่า น้ำมันกัญชาสูตร THC 3,900 ขวด จะกระจายไป รพ.ศูนย์ 12 แห่งของเขตสุขภาพ ประกอบด้วย 1.รพ.ลำปาง 2.รพ.พุทธชินราช จ.พิษณุโลก 3.รพ.สวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ 4.รพ.สระบุรี 5.รพ.ราชบุรี 6.รพ.ระยอง 7.รพ.ขอนก่น 8.รพ.อุดรธานี 9.รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี 10.รพ.บุรีรัมย์ 11.รพ.สุราษฎร์ธานี และ 12.รพ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ตำรับกัญชาแพทย์แผนไทย จะใช้ในสถานพยาบาลที่ให้บริการด้านแพทย์แผนไทย 7 แห่ง ประกอบด้วย รพ.เด่นชัย จ.แพร่,รพ.หนองฉาง จ. อุทัยธานี ,รพ.ดอนตูม จ.นครปฐม ,รพ. เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี, รพ.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร จ.สกลนคร และ รพ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ และรพ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่จะเข้ามารับบริการ ต้องมีการประเมินว่าเหมาะสมที่จะรับยาหรือไม่ ไม่ว่าจะขึ้นทะเบียนเพื่อประเมินอาการกับกรมการแพทย์ หรือเข้ามาขอรับบริการที่ รพ. หากแพทย์วินิจฉัยว่าจำเป็นก็จะเลือกสูตรให้เหมาะสมกับโรค และติดตามการใช้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย”
หลังจากนั้นเปิดให้นักข่าวถาม คำถามแรก ผู้ป่วยที่จะรับสูตรทีเอชซีสูงต้องเป็นโรคอะไร นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เป็นผู้ตอบว่า
“ทีเอชซีจะใช้ในอาการคลื่นไส้อาเจียน มะเร็งระยะสุดท้าย แต่ไม่ใช่การรักษามะเร็ง จะช่วยรักษาอาการข้างเคียงจากการรับยาคีโม คลื่นไส้อาเจียนมากจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ หรือเจ็บปวดมากจนนอนไม่หลับ กรมการแพทย์ได้รับสูตรทีเอชซีมา 600 ขวด โดย 100 ขวด จะใช้วิจัยในหลอดทดลองว่า สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้หรือไม่ ได้เตรียมเซลล์มะเร็งไว้ 10 ชนิด คือ มะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งท่อทางเดินน้ำดี มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง มะเร็งปากมดลูก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งรังไข่ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งตับอ่อน โดยใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ก็ทราบผล และอีก 500 ขวดจะนำไปศึกษาในสัตว์ทดลอง เพื่อดูประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ความเป็นพิษ และความปลอดภัย ตรงนี้ต้องใช้เวลา ส่วนสูตร 1 ต่อ 1 หากได้รับมาแล้วจะมอบให้สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ศึกษาวิจัยการใช้เพื่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่ขึ้นทะเบียนไว้ ส่วนสูตรซีบีดีสูงจะใช้ในผู้ป่วยโรคลมชัก ประชาชนสามารถปรึกกษาเกี่ยวกับกัญชาได้ที่สายด่วน 1165 ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเริ่มให้บริการได้ในวันที่ 8 ส.ค.นี้
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการ อย. แถลงว่า
“น้ำมันกัญชาเป็นการขึ้นทะเบียนที่เรียกว่า Un Approve Drug เพื่อเอื้อให้ยากัญชาทางการแพทย์ใช้ได้เร็วในประเทศไทย โดยการควบคุมคุณภาพ และมีระบบให้รายงานความปลอดภัยในการใช้ในคนไข้เป็นรายๆ ว่านำไปใช้กับโรคอะไร ได้ผลหรือไม่ จะได้ระบบรายงานที่เป็นภาพใหญ่ของประเทศ และทราบว่ากัญชาสูตรต่างๆ จะเหมาะกับโรคอะไร นอกจากนี้ อย.ยังร่วมกับสถาบันรหัสสากล (GS1 Thailand) ทำระบบแทร็กกิง (Tracking) นำร่องร่วมกับ 3 หน่วยงานที่ผลิตยากัญชา คือ อภ. รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร และ รพ.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้ว่า ยาทุกขวดที่ซื้อเป็นของจริงหรือไม่ ผลิตจากที่ไหน โดยใช้แอปพลิเคชัน SmartBar สแกนบาร์โค้ดหรือ DataMatrix ที่อยู่ข้างกล่องก็จะทราบข้อมูลทันที ว่าใครผลิต ผลิตวันที่เท่าไร วันหมดอายุ ทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ช่วยสกัดของใต้ดินที่จะออกมาปลอม และอนาคตทุกบริษัทที่จะอนุญาตก็จะต้องใช้ระบบนี้ และจะแทร็กไปถึงต้นทางได้ว่า ขวดนี้ปลูกจากต้นไหน จังหวัดอะไร”
นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แถลงว่า
“ได้รับหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการจากเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ว่า ได้ส่งกัญชาของกลางมาให้กรมการแพทย์แผนไทยฯ จำนวน 1,000 กิโลกรัมแห้ง เข้าใจว่าจะส่งมอบภายในสัปดาห์หน้า จากนี้ก็จะนำมาผลิตสูตรน้ำมันเดชา โดยเทคนิคซูเปอร์เทคนิคัลแบบของ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศรเคยทำไว้ คิดว่าอีกไม่นานจะมีสูตรน้ำมันเดชา วันที่ 9 ส.ค. จะเชิญนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี และคณะมาหารือ”
matemnews.com
7 สิงหาคม 2562