“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงใช้คำว่าแจกเงิน แจกยังไง ไม่ได้แจกเงิน แต่เป็นมาตรการทางการเงินการคลัง ของกระทรวงการคลังที่ออกมา โดยการหารือร่วมกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องหลายคน ทั้งในเรื่องการแก้ปัญหาภาคเกษตรกรรม การใช้จ่ายภาคอุปโภคบริโภค เรื่องการท่องเที่ยว และใช้เงินจำนวนน้อย แต่หลายคนไปบอกว่าใช้ 3 แสนล้านบาท จริงๆแล้วใช้เงินประมาณ 4 หมื่นล้านบาทเท่านั้นเอง แต่ที่เหลือเป็นมาตรการทางภาษี การลดภาษี ชะลอการชำระหนี้ต่างๆ ถ้าคิดรวมเหล่านี้ด้วย ก็เป็นมูลค่าประมาณ 3 แสนล้านบาทก็ใช่ แต่ถ้าใครไม่ใช้ ไม่กู้ ก็ไม่ต้องไปเสียเงินตรงนี้ เป็นเรื่องของความร่วมมือระหว่างกัน เราจำเป็นต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ เพราะเศรษฐกิจของเรากำลังมีปัญหา เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆรอบบ้านที่เศรษฐกิจตก มันเป็นมาตรการทางการเงินสมัยใหม่ ได้แก่ การใช้เงินกองทุน หรือการจัดตั้งกองทุนใหม่ นี่คือหลักการทางเศรษฐศาสตร์ ที่แก้ปัญหาของทั้งโลก ที่ทำแบบนี้อยู่ สำหรับประเทศรอบบ้านที่เศรษฐกิจยังสูงอยู่ แต่ก็ตกลงมาเช่นเดียวกัน คือเวียดนาม เขาก็มีวิธีในการเจรจา บางครั้งเราก็เจรจาไม่ได้มากนัก เพราะมันต้องมีเรื่องต่างตอบแทนด้วย และเงินเราน้อย ก็เดี๋ยวต้องไปดูกันต่อไป ส่วนบางประเทศที่เศรษฐกิจดีอย่างญี่ปุ่น เขาก็ตกลงมา เกาหลีใต้ก็ตกลง แต่เศรษฐกิจเขาขึ้นมาเพราะมีการขึ้นภาษี คนก็เอาเงินไปใช้จ่าย เศรษฐกิจมันก็เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ ต้องไปดูข้อเท็จจริงตรงนี้ อย่างประเทศในกลุ่มยูโรและสหภาพยุโรป เขาก็มีกองทุนสนับสนุนเข้ามาช่วย แต่เราไม่มีอะไร มีแต่เงินของเราเอง นี่คือปัญหาที่เราต้องหารายได้เข้าประเทศ ส่วนอย่างอื่นเราก็ยังแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ที่จะให้มีเงินมากขึ้น เพราะสถานการณ์ยังแย่อยู่ ถึงต้องมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน มีนโยบายช่วยค่าใช้จ่าย เพื่อให้มีการใช้เงินในระบบ การท่องเที่ยวก็มีส่วนสำคัญ แต่เราก็ต้องการนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ นักท่องเที่ยวที่ไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคง เพราะหลายคนก็เป็นห่วงว่า มาแล้วไม่กลับจะทำอย่างไร แต่มาตรการต่างๆก็ออกมาได้แค่นี้ ออกอย่างอื่นไม่ได้ เดี๋ยวก็มีปัญหาอีก เรามีความผันผวนทั้งเศรษฐกิจของโลก ความผันผวนตลาดเงินลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ ฉะนั้นทุกคนต้องมีข้อมูลระมัดระวังให้ได้มากที่สุด”
matemnews.com
20 สิงหาคม 2562