เมื่อคืนวันเสาร์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม สื่อต่างประเทศรายงานว่าฮ่องกงเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงอีกครั้ง โดยเริ่มต้นจากบริเวณหว่านไจ๋ เมื่อผู้ชุมนุมรวมตัวกันฝ่าฝืนคำสั่งตำรวจที่ห้ามชุมนุมประท้วงเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม
หลังจากการประท้วงอย่างสงบในช่วงเย็น ช่วงค่ำสื่อต่างประเทศรายงานว่ามีการจุดไฟขึ้นหลายจุด รวมถึงฝ่ายผู้ชุมนุมได้ใช้ขวดบรรจุแอลกอฮอล์จุดไฟโยนใส่ฝั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
https://twitter.com/MilanSLive/status/1167804436565000193
ซึ่งทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้ตอบโต้ด้วยการยิงแก๊สน้ำตา และเครื่องฉีดน้ำผสมสีน้ำเงินความดันสูงใส่ผู้ชุมนุน เพื่อใช้ระบุตัวผู้เข้าร่วมที่ใช้ความรุนแรงซึ่งจะเกิดคราบสีฟ้าฝังไปกับผิวหนังของม็อบทั้งหลาย แม้จะเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่หรือไปอาบน้ำก็ยังคงเหลือคราบสีฟ้านี้ติดตัวไปอีกระยะหนึ่ง
ก่อนที่สถานการณ์จะรุนแรงขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษของตำรวจฮ่องกงที่ใช้ชื่อว่า ‘Raptors’ เข้าจับกุมผู้ประท้วงได้หลายคน รวมถึงสื่อต่างประเทศได้รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายได้ยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าคนละหนึ่งนัด หลังจากที่พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัย เพื่อเคลียร์พื้นที่บนถนน ซึ่งถือเป็นครั้งที่สองที่ตำรวจยิงกระสุนจริงเตือนผู้ประท้วง นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเมือง 13 สัปดาห์
แดนนี วินเซนต์ ผู้สื่อข่าว BBC ในพื้นที่ได้รายงานว่า วันนี้กลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกันบนถนน ล้อมบริเวณอาคารของรัฐบาล ซึ่งเหมือนทุกสุดสัปดาห์ที่ผู้ชุมนุมจะเตรียมพร้อมมาอย่างดี
ผู้ชุมนุมดันรถเข็นที่เต็มไปด้วยก้อนอิฐไปสู่แถวหน้า และปาข้ามเครื่องกีดขวางเพื่อขัดขวางการเดินหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงมีการใช้ขวดบรรจุแอลกอฮอล์จุดไฟโยนใส่ฝั่งเจ้าหน้าที่ ขณะที่ตำรวจใช้ทั้งแก๊สน้ำตา ตามด้วยกระสุนยางที่ยิงลงพื้น แต่ในบางกรณีมีการยิงสูงขึ้นกว่าปกติ
แดนนี วินเซนต์ ยังเผยอีกว่า จากการประท้วงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบ 3 เดือนทำให้ผู้ชุมนุมมีประสบการณ์ เตรียมแผนการมาดีขึ้น และพร้อมที่จะยกระดับความรุนแรง
ล่าสุดวันนี้ 1 ก.ย.62 มีรายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงเข้าพื้นที่สนามบินฮ่องกง
#HongKong Airport now… #antiELAB #China pic.twitter.com/3fepkk9i29
— Stephen McDonell (@StephenMcDonell) September 1, 2019
Several plastic barricades have been wedged in between elevator doors leading to Terminal 1 at the #HongKong airport.
Full story: https://t.co/JDb2LZPJmm. #hongkongprotests #antiELAB #china pic.twitter.com/IFKuItI9Nl
— Hong Kong Free Press (@HongKongFP) September 1, 2019
ที่มา เดอะสแตนดาร์ด , ทวีตเตอร์