องค์คณะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ขึ้นนั่งบัลลังค์ เมื่อตอนเช้า 6 ก.ย.2562 อ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ขององค์คณะที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา คดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง
นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์
กับพวกรวม 28 ราย กรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยทุจริต
เนื่องจากโจทก์ และจำเลย ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 โดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ได้แต่งตั้งองค์คณะขึ้นมาไต่สวนพิจารณาคดี
นายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ ลูกชายของนายบุญทรง มาศาล ฟังคำพิพากษาด้วย
เวลา 12.00 น.เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เบิกตัวออกจากเรือนจำ มาถึงศาลพร้อมจำเลยร่วมคนอื่นๆ ให้ทั้งหมดพักอยู่ในห้องควบคุมตัวชั้นล่าง ของศาลฎีกา ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปในบริเวณอาคารศาล
ศาลอ่านคำพิพากษานานประมาณ 7 ชั่วโมง ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเพิ่มโทษนายบุญทรง อีก 6 ปี จากเดิมจำคุก 42 ปี เป็นจำคุก 48 ปี นายบุญทรงถูกนำกลับเรือนจำ
นายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ ลูกชายให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า ขณะฟังคำวินิจฉัยศาลอุทธรณ์ พ่อค่อนข้างช็อกกับผลคำพิพากษา เพราะเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อน แต่ต้องยอมรับ เพราะถือว่าได้โอกาสในการพิสูจน์ตัวเองครั้งที่สองแล้ว ซึ่งก็ดีมากแล้ว สุขภาพของพ่อหลังจากผ่าตัดไปหนึ่งรอบก็ดีขึ้น แต่ยังเหลือผ่าหลัง อาการชาที่ขายังไม่หาย มีปัญหาเรื่องการเดินเล็กน้อย พ่อขอให้ตนทำหน้าที่ทางการเมืองดีที่สุดตามที่ตั้งใจ และมีความเข้มแข็ง พ่อเคยเตือนตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาทำการเมืองแล้ว วันนี้ตนมาให้กำลังใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรกันมากด้านกฎหมายถือว่าคดีสิ้นสุดเพียงเท่านี้ คงไม่สามารถทำอะไรเพิ่มเติมได้อีก การขอพระราชทานอภัยโทษ ก็เป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่จะดำเนินการต่อไป
matemnews.com
6 กันยายน2562
