ครอบครัวครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อนร่วมชะตากรรม “ปิยะวดี ภูผานม” ที่สามีเกิดเครียดจัด ผูกคอตายเซ่นคำสั่ง ว.33 ให้ออกจากราชการ ตกอยู่ในอาการผวา หวั่นคนในครอบครัวเครียดและคิดสั้น หากถูกให้ออกจากงาน ไม่มีเงินใช้หนี้ เผยตั้งแต่มีคำสั่งออกมาเกิดภาวะเครียดรุมเร้า วอนผู้ใหญ่ในกระทรวงมหาดไทยสงสาร ทบทวนคำสั่งและหยุดรังแกข้าราชการตัวเล็ก
จากกรณีเกิดเหตุสลด ช่างซ่อมจักรยานยนต์เครียดจัด หลังภรรยาซึ่งเป็นครูผู้ดูแลเด็ก ถูกคำสั่ง ว.33 ซึ่งเป็นหนังสือจากกระทรวงมหาดไทยให้ออกจากราชการครูโดยพลัน ระบุเกิดจากภาวะเครียด และซึมเศร้าผูกคอตาย ทิ้งหนี้ก้อนโตกว่า 1.5 ล้าน และภาระเลี้ยงลูก 2 คนไว้ข้างหลัง ด้านนักวิชาการอิสระ ประธานเครือข่ายภาคประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ยื่นหนังสือยับยั้งต่อเลขานายกรัฐมนตรี และหลายหน่วยงานเร่งแก้ไขคำสั่ง ก่อนที่จะมีผู้ได้รับผลกระทบปลิดชีพสังเวยคำสั่งไม่เป็นธรรม ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2562 ผู้สื่อข่าวติดติดตามบรรยากาศ ที่บ้านเลขที่ 92 หมู่ 5 บ้านหนองคู ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบ้านของนางปิยะวดี ภูผานม ครูผู้ดูแลเด็กศูนย์พัฒนาเด็กบ้านโนนศิลาเลิง ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ หลังสูญเสียสามี คือนายนิยม ภูผานม อายุ 43 ปี
โดยได้ผูกคอเสียชีวิต เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งมีสาเหตุมาจากความเครียดและซึมเศร้าสะสม เหตุภรรยาถูกคำสั่ง ว.33 โดยเป็นหนังสือจากกระทรวงมหาดไทยให้ออกจากข้าราชการครู ทั้งนี้ ได้ทำพิธีฌาปนกิจเมื่อวันที่ 14 กันยายน และทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลตามประเพณีทางพุทธศาสนาเสร็จสิ้น ญาติพี่น้องและเพื่อนครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหลายแห่ง ได้ให้กำลังใจนางปิยะวดีก่อนเดินทางกลับ เพื่อที่จะไปทำงานในวันเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ตามปกติ
ขณะที่นางวรรณิตา วิมาเณย์ ครู คศ.2 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดบ้านโนนศิลาเลิง ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ เพื่อนครูที่ทำงานอยู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่งเดียวกันกับนางปิยะวดี กล่าวว่า ตนบรรจุทำงานที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯในปี 2555 โดยมีใบประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ตรงตามคุณสมบัติที่รับราชการเป็นครูสอนเด็กประถมวัย ในปี 2557-2558 เริ่มมีข่าวสะเทือนวงการครูศูนย์เด็ก
ซึ่งเป็นหนังสือจากกระทรวงมหาดไทย ทั้ง ว.35 ว.38 ออกมาเรื่อยๆ เกี่ยวกับคุณสมบัติของครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก กรณีที่วุฒิไม่ตรงกับการเป็นครูศูนย์ฯ ก็ให้มีการพัฒนาตนเอง รวมทั้งให้มีการเยียวยาครูกลุ่มนี้ด้วย ซึ่งเพื่อนครูศูนย์เด็กที่ยังไม่มีวุฒิและใบประกอบวิชาชีพครูประถมวัย ก็ได้ศึกษาต่อจนสำเร็จและมีคุณสมบัติครบถ้วน แต่ก็ยังมีคำสั่งในลักษณะเดียวกันออกมาอีก ล่าสุดเป็นคำสั่ง ว.33 ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2562 ให้ครูศูนย์เด็กทั่วประเทศ จำนวน 98 คน ออกราชการโดยพลัน ซึ่งในท้ายคำสั่งนั้นมีรายชื่อของตนและนางปิยะวดีด้วย
นางวรรณิตา กล่าวว่า พอมีคำสั่งดังกล่าวทำให้ตนรู้สึกท้อแท้ เหนื่อยใจ เครียดมาก สงสัยว่าทำไมเรามีรายชื่อที่ต้องถูกให้ออกจากครูศูนย์เด็กด้วย ทั้งๆที่มีคุณสมบัติถูกต้อง ก่อนที่จะมีคำสั่งให้ครูศูนย์เด็กพัฒนาตนเอง จึงได้นำมาบอกเล่าให้สามี พ่อแม่ และญาติพี่น้องรับทราบ ซึ่งต่างก็ตกใจ หากออกจากครูจริงๆจะทำยังไง
เพื่อนครูศูนย์เด็ก ครูบางคนเป็นเสาหลักของครอบครัว ก็กระทบหนัก จิตใจฟุ้งซ่าน เครียดจัด กระทั่งเกิดการเคลื่อนไหว รวมตัวกันเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระในฐานะประธานเครือข่ายภาคประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ยังวิตกและอยู่ในอาการผวากับคำสั่งนั้น หวั่นคนในครอบครัวเครียดและคิดสั้น หากถูกให้ออกจากงาน และไม่มีเงินใช้หนี้
ด้านนางหนูผาด บุญโกบุตร อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 5 บ้านหนองคู ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ มารดานางวรรณิตา กล่าวว่า ตอนแรกที่ลูกสาวมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับคุณสมบัติของครูศูนย์เด็กนั้น ก็ไม่รู้สึกตกใจมากนัก เพราะลูกสาวมีใบประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ตรงตามคุณสมบัติทุกประการ ซึ่งก็ได้แต่ปลอบใจว่า คงเป็นแค่ข่าวลือ แต่พอมีข่าวออกมาเรื่อยๆ ตลอด 4-5 ปี โดยมีรายชื่อของลูกสาวด้วย ที่อยู่ในข่ายที่จะถูกให้ออกจากราชการ ก็รู้สึกกังวล เกิดเป็นความเครียดสะสม เป็นโรคเครียดกันทั้งครอบครัว บางวันถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ จนต้องกินยาระงับอาการเครียดไว้
“ทุกคนในครอบครัวเครียดและเสียใจมาก และคิดว่าครอบครัวอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่ง ว.33 คงมีความเครียดไม่ต่างกัน เพราะทำงานอยู่ดีๆ ไม่มีความผิด จะถูกให้ออกจากราชการ มันไม่เป็นธรรมกับชาวบ้านตาดำๆเลย ลูกเราหรือลูกใคร ใครก็รัก สู้อุตส่าห์ทำงานหนักหาเงินส่งเสียลูกเรียนจนจบปริญญาตรี ปริญญาโท เพื่อนำความรู้ความสามารถมาสอนเด็กๆ กลับถูกคำสั่งให้ออกดื้อๆ
หัวอกพ่อแม่และคนที่ถูกกระทำก็ได้รับความเดือดร้อน ทุกวันนี้จึงมีชีวิตอยู่อย่างหวาดผวา ถ้าออกจากครูแล้วจะอยู่จะกินกันอะไร หนี้สินที่ใช้เครดิตครูกู้มาศึกษาต่อ และให้พ่อแม่ลงทุน จะหาเงินที่ไหนไปผ่อนชำระ จึงขอเรียกร้องให้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีอำนาจ ได้โปรดทบทวนคำสั่งและเยียวยาด้วย อย่าได้รังแกข้าราชการตัวเล็กๆเลย เพื่อที่จะได้มีขวัญกำลังใจ ในการทำหน้าที่อบรมลูกหลานเยาวชน ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคมประเทศชาติต่อไป” นางหนูผาดกล่าว
ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของนายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระในฐานะประธานเครือข่ายภาคประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ทั่วประเทศ ที่ได้รับผลกระทบและมีรายชื่อให้ออกราชการโดยพลัน ตามคำสั่ง ว.33 จำนวน 98 คนนั้น
ระบุในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ 10 คน คือ นางปิยะวดี ภูผานม , นางวรรณิตา วิมาเณย์ อบต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย, นางขวัญดี ศรีใต้ และน.ส.ณิชกานต์ วงศ์สำแดง ทต.สงเปลือย อ.นามน, นางสมปอง เฉิดเจริญ อบต.นาจำปา อ.ดอนจาน, นางยวนจิต หาวิลี อบต.ไค้นุ่น อ.ห้วยผึ้ง, นางวริญญา เทศารินทร์ อบต.เนินยาง และนายพีรชัย โฆษาจารย์ อบต.โพน อ.คำม่วง, นางกนกนันท์ ไชยเดช ทต.นาขาม อ.กุฉินารายณ์ และนางวรากร ดอกไม้ ทต.คำใหญ่ อ.ห้วยเม็ก
ที่มา สปริงส์นิวส์