การเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีบริษัทอารามโก รัฐวิสาหกิจน้ำมันยักษ์ใหญ่ของซาอุดิอาระเบียถูกโจมตี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่เกิดเหตุกลุ่มกบฎฮูตีใช้โดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง ในซาอุดิอาระเบีย ทำให้ซาอุดิอาระเบียต้องลดกำลังการผลิตน้ำมันร้อยละ 5 ของปริมาณการผลิตทั่วโลก กระทรวงพลังงาน ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ได้จำลองสถานการณ์ประเมินราคาของน้ำมัน พบว่า ถ้าหากสถานการณ์ยืดเยื้ออยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ จะทำให้อัตราราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น 5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และหากยืดเยื้อ 2-6 สัปดาห์จะปรับขึ้น 5-15 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล อาจจะส่งผลต่อราคาน้ำมัน ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)วาระพิเศษ เพื่อพิจารณาหามาตรการป้องกันผลกระทบด้านราคาของน้ำมันในประเทศว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรบ้างเพื่อร่วมกันหามาตรการป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อค่าครองชีพของประชาชนต่อไป
ส่วนความกังวลว่าน้ำมันในประเทศจะขาดแคลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ชี้แจงว่า จุดที่ถูกโจมตีไม่ได้เป็นที่ตั้งโรงกลั่นน้ำมันแต่เป็นโรงงานที่ทำหน้าที่กำจัดสารต่างๆที่ไม่ต้องการในกระบวนการทำความสะอาดออกจากน้ำมันดิบ ยืนยันกับประชาชนเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าไม่ต้องวิตกกังวลเรื่องการขาดแคลนน้ำมันในประเทศ เพราะขณะนี้ไทยมีน้ำมันดิบสำรองในประเทศและน้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่งและสต๊อกสามารถใช้ได้ประมาณ 54 วัน และมีการสำรองก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนมีสำรองได้ 23 วัน ซึ่งหากรวมการใช้ LPG ภาคอุตสาหกรรมและขนส่งแล้วจะทำให้จำนวนสำรองที่ใช้ LPG ได้อยู่ที่ 12 วัน และหากไม่สามารถนำเข้าน้ำมันจากซาอุดิอาระเบีย ยืนยันว่าไม่ต้องกังวลเพราะไทยยังสามารถนำเข้าจากแหล่งอื่นได้ เช่น สหรัฐอเมริกา อีกทั้งไทยพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากซาอุดิอาระเบีย เพียงร้อยละ 16 เท่านั้น
ที่มา ศูนย์ข่าวแปซิฟิค
