กําพล วิระเทพสุภรณ์
องค์คณะผู้พิพากษา ออกนั่งบัลลังค์ ห้องพิจารณา 716 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เมื่อตอนเช้า 19 พ.ย.2562 อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีค้ามนุษย์ สถานบริการอาบอบนวด “วิคตอเรีย ซีเครท” คดีหมายเลขดำ คม.24/2561 ที่พนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง
ป๋านัส – นายมนัส อ่วมทับ อายุ 49 ปี
ป๋าต้น – นายสมชาย แสงอุดม อายุ 53 ปี
ทั้งสองคนทำหน้าที่เป็นพนักงานเชียร์แขก ในความผิดฐานร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีโดยบังคับขู่เข็ญ , เป็นธุระจัดหา ชักพาไปหญิงสาวอายุ 15 แต่ไม่เกิน 18 ปี เพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 , พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 , พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541
คดีนี้อัยการบรรยายฟ้องระบุว่า เมื่อเดือน ธ.ค. 2560 จนถึง 12 ม.ค. 2561 จำเลยทั้ง 9 กับพวกสมคบกัน โดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยตกลงวางแผนและแบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป ผู้เสียหายเป็นหญิงสาวรวม 9 ราย ทั้งคนไทยและคนเมียนมา อายุ 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี โดยร่วมกันให้ผู้เสียหาย ทำการค้าประเวณีที่สถานอาบอบนวด วิคตอเรีย ถนนพระรามเก้า แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง เพื่อให้ผู้เสียหาย กระทำการค้าประเวณี ยอมรับการกระทำชำเราหรือยอมรับการกระทำอื่นใดเพื่อสนองความใคร่หรือสำเร็จความใคร่ทางกามารมณ์ของผู้อื่น อันเป็นการสำส่อนประพฤติตนไม่สมควร เพื่อสินจ้างหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อที่จำเลยกับพวกจะได้แสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีของผู้เสียหายที่เป็นเด็ก แม้ผู้เสียหายยินยอมก็ตาม
เดิมทั้งสองคน ถูกฟ้องร่วมกับ ป๋าติ๊ก – นายศรัทธาธรรม แจ้งฉาย อายุ 67 ปี ผู้จัดการสถานบริการอาบอบนวด กับพวกรวม 9 คน เมื่อเดือน เม.ย. 2561 แต่ชั้นพิจารณามีเฉพาะนายมนัสส และนายสมชาย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนนายศรัทธาธรรม ผู้จัดการสถานบริการ กับพวกจำเลยที่เหลืออีก 7 รายให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี จึงแยกสำนวนฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2561 เห็นว่านายมนัส และนายสมชาย มีความผิดฐานเป็นผู้ดูแลกิจการค้าประเวณี และเป็นธุระจัดหาฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 282 วรรคหนึ่ง วรรคสอง , 283 ทวิ วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง วรรคสอง , 11 วรรคสอง และฐานสมคบทำผิดค้ามนุษย์แสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีฯ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6,9 วรรคหนึ่ง วรรคสอง , 52 วรรคหนึ่ง วรรคสอง จำคุก คนละ 46 ปี โดยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกไว้ 22 ปี 12 เดือน
คดีนี้ทั้งอัยการโจทก์ และจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ให้ลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษด้วย วันนี้ศาลได้เบิกตัวจำเลยทั้งสองมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีค้ามนุษย์ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า
ในข้อหาที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยทั้งสอง ฐานเป็นผู้ดูแลหรือผู้จัดการกิจการสถานค้าบริการประเวณีฯ ซึ่งมีบุคคลอายุ 15 แต่ไม่เกิน 18 ปี จำคุก 2 ปี 6 เดือน นั้น ความผิดในส่วนนี้คู่ความไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คดีส่วนนี้จึงถึงที่สุดแล้ว
ส่วนที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า คดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวพันคดีของ นายศรัทธาธรรม แจ้งฉาย ซึ่งเป็นผู้จัดการสถานบริการวิคตอเรียซีเครท กับพวกรวม 7 คน ที่พนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ได้ยื่นฟ้องและศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดง คม. 53/2561 (คดีหมายเลขดำ คม. 26/2561) ที่เรียกว่า เหตุลักษณะคดี (เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้วมีผลถึงจำเลยคนอื่นด้วย) โดยเมื่อศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลยทั้งเจ็ดในข้อหาสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปกระทำความผิดค้ามนุษย์ด้วยการค้าประเวณี โดยลงโทษเฉพาะข้อหาเป็นธุระจัดหาบุคคลฯเพื่อสนองความใคร่และค้าประเวณี คดีของจำเลยทั้งสอง จึงต้องยกฟ้องในข้อหาดังกล่าวด้วย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การจะพิจารณานั้นก็ต้องดูรูปเรื่องทั้งหมด ซึ่งคดีของจำเลยทั้งสอง อัยการโจทก์ก็ได้บรรยายพฤติการณ์ฟ้องและนำสืบพยานหลักฐานจนฟังได้ว่า ร่วมกันกระทำผิดฐานโดยสมคบตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีและเป็นธุระจัดหาบุคคลฯ สนองความใคร่ผู้อื่น
และที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ขอให้พิจารณาลงโทษสถานเบา หรือรอลงโทษนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองที่โจทก์ฟ้องนั้นได้กระทำผิดต่อบุคคลจำนวนมาก เป็นการแสวงหาประโยชน์จากบุคคลอายุ 15 แต่ไม่เกิน 18 ปี จากการค้าประเวณี อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่อุกอาจ ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองจึงฟังไม่ขึ้น อุทธรณ์ของอัยการโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า
ให้เพิ่มโทษรายกระทงเป็น 2-10 ปี (จากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา กระทงละ 2-5 ปี)
โดยข้อหาที่โทษหนักที่สุดคือสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีและเป็นธุระจัดหา บุคคลอายุ 15 แต่ไม่เกิน 18 ปีฯ จำคุก 7 กระทงๆละ 10 ปี เป็นจำคุก 70 ปี โดยรวมกับโทษ ฐานเป็นธุระจัดหาบุคคลให้ค้าประเวณีโดยขู่เข็ญฯ และข้อหาอื่นอีกหลายกระทง
รวมจำคุกนายมนัส และนายสมชาย ทั้งสิ้น 120 ปี
จำเลยรับสารภาพเหลือโทษจำคุก 60 ปี โดยรวมกับที่ศาลชั้นต้นลงโทษฐานเป็นผู้ดูแลสถานค้าประเวณีฯ 2 ปี 6 เดือน เป็นจำคุก 62 ปี 6 เดือน
แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วให้จำคุกสูงสุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 เป็นจำคุกคนละ 50 ปี
ให้จำเลยทั้ง 2 ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหายสองราย สัญชาติเมียนมาคนละ 80,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันฟ้อง 21 เม.ย. 2561 (เดินศาลชั้นต้นยกคำขอชดใช้ค่าสินไหมทดแทน) นอกจากที่แก้ให้เป็นตามศาลชั้นต้น
สำหรับ เสี่ยกำพล – นายกําพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของสถานบริการวิคตอเรียฯ ที่อัยการมีคำสั่งฟ้องว่า ร่วมกระทำผิดด้วยนั้น ปัจจุบันยังติดตามตัวมายื่นฟ้องไม่ได้ คาดว่าจะหลบหนีคดี โดยพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ขอศาลออกหมายจับไว้แล้ว มีอายุความติดตามตัวมาฟ้องคดีภายใน 20 ปี
matemnews.com
19 พฤศจิกายน 2562