Home ข่าวทั่วไปรอบวัน ในไทยไม่มีคนติดไวรัสโคโรนาเพิ่ม  25 รายเท่าเดิม

ในไทยไม่มีคนติดไวรัสโคโรนาเพิ่ม  25 รายเท่าเดิม

406
0
SHARE

 

 

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวที่ศูนย์ฉุกเฉินกระทรวงสาธารณสุข  เมื่อเช้า 8 ก.พ.2563 ว่า ขณะนี้ยังมีผู้ป่วยยืนยัน 25 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 9 ราย ยังเหลืออยู่ใน รพ. 16 ราย แต่อาการดีขึ้น รอเพียงผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ หากผลเป็นลบก็สามารถกลับบ้านได้ ส่วนผู้ป่วย 1 รายที่มีอาการรุนแรงเนื่องจากติดเชื้อทั้งไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่และวัณโรค ขณะนี้อาการยังทรงตัว แพทย์ได้ให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด สำหรับผู้เข้าข่ายสอบสวนโรคสะสมจำนวน 615 ราย ให้กลับบ้านแล้ว 225 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 390 ราย

 

การดูแลคนไทยที่กลับมาจากอู่ฮั่น จำนวน 138 ราย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ

 

1.กลุ่มที่อยู่ในข่ายสอบสวนโรคจำนวน 4 ราย เนื่องจากมีอาการป่วย โดยได้ส่งเข้าห้องแยกโรคที่ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อาการดีขึ้น ซึ่งผลแล็บเบื้องต้นออกมาเป็นลบ โดยจะรอผลแล็บที่ชัดเจนอีกครั้ง หากเป็นลบก็จะให้กลับมาอยู่ร่วมกันที่สถานที่กักกันโรคที่ฐานทัพเรือสัตหีบ และรอจนครบ 14 วันตามกำหนดก็สามารถกลับบ้านได้

 

2.กลุ่มคนไทยที่เหลืออีก 134 ราย กลุ่มนี้ก็จะเฝ้าระวังหากมีอาการเจ็บป่วย คือ มีไข้ อาการทางเดินหายใจ ก็จะส่งเข้าห้องแยกโรคทันที  ล่าสุดมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เพิ่มขึ้น 1 ราย แต่เนื่องจากมีการพักร่วมห้องกับอีก 1 คน จึงได้นำทั้งสองคนนี้เข้าห้องแยกโรคเพื่อเฝ้าดูอาการและตรวจวินิจฉัย  หากผลออกมาว่าไม่ได้ติดเชื้อก็ให้กลับมาอยู่ในสถานที่กักกันโรคได้และรอจนครบ 14 วันถึงให้กลับบ้าน

 

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต แถลงว่า การดูแลสุขภาพจิตของคนไทยที่กลับมาจากอู่ฮั่น ก็มีความกังวลว่าการอยู่ในสถานที่กักกันโรค 14 วัน จะมีปัญหาเรื่องเครียด วิตกกังวลอะไรหรือไม่ โดยเฉพาะช่วง 72 ชั่วโมงแรกหรือ 3 วันแรก ที่มีการดูแลอย่างเข้มงวด อยู่ในพื้นที่จำกัด และไม่ได้พบปะกับใคร จึงต้องเข้ามาดูแลประเมินสุขภาพจิต ความเครียด ซึมเศร้า และการฆ่าตัวตาย ซึ่งพบว่า ไม่มีปัญหาเลย แม้กระทั่งผู้ที่มีอาการโรคซึมเศร้าอยู่เดิม 3 ราย ก็ไม่มีปัญหา ทุกคนอยู่ในสภาพจิตที่ดี อาจเป็นเพราะวันแรกทุกคนดีใจที่กลับมาถึงประเทศไทย วันที่สอง ทางกองทัพได้ให้เครื่องมือสื่อสารกลับไป ทำให้สามารถติดต่อพูดคุยกับญาติมิตรได้ ตรงนี้ทำให้ความเครียดจะลดลงไปมาก นอกจากนี้ จากการเข้าไปพูดคุยดูแลพบว่า ทุกคนเข้าใจวิธีการปฏิบัติตัวอย่างดี ส่วนจากนี้จะมีการประเมินทุกวันในเรื่องของการปรับตัว และจากนี้จะเริ่มมีการทำกิจกรรมผ่อนคลายความเครียด เพื่อให้ยืดหยุ่นจิตใจพร้อมกลับไปอยู่ได้ และจะติดตามไปอีก 6 เดือน เพื่อป้องกันภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง (PTSD)

 

คนทั่วไป  สิ่งสำคัญคือตระหนักแต่ไม่ตระหนก โดยขอให้ใช้หลัก 3 I คือ

 

1.I Am คือ เราเป็นคนใคร เสี่ยงหรือไม่

2.I Have เราอยู่ในประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่ดีแห่งหนึ่งของโลก

3.I Can คือเราทำอะไรได้บ้าง เช่น การป้องกันตนเอง โดยกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย หรืออาจแนะนำคนอื่น ก้าวข้ามไปด้วยกัน สุขภาพจิตก็จะดีขึ้น

 

นักข่าวถามประเด็น  การตรวจลูกเรือการบินไทยไฟลต์ทีจี 218 เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2563 เส้นทางภูเก็ต-สุวรรณภูมิ เพื่อหาเชื้อไวรัสโคโรนา เพราะสงสัยผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสดังกล่าวบินมาด้วย  นพ.สุวรรณชัย ตอบ

 

“ใครก็ตามที่มีการสัมผัสก็จะเข้าสู่ระบบตามมาตรการ ขณะนี้ก็พ้นระยะฟักตัวของโรคแล้ว และกลับมาทำงานตามปกติ

 

ถามประเด็นการประชุมที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอต ประเทศสิงคโปร์ และพบว่ามีคนติดเชื้อไวรัสโคโรนาฯ ได้มีการตรวจสอบคนไทยที่ไปร่วมประชุมด้วยหรือไม่  นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ตอบ

 

ตอนนี้มี 2 ประเทศที่มีผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อน คือ ญี่ปุ่นที่มีการกักตัวผู้โดยสารบนเรือสำราญกว่า 3 พันคน เพราะมีการติดเชื้อหลาย 10 ราย และสิงคโปร์ที่มีการประชุมดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมประชุมจากหลายประเทศเริ่มป่วยติดเชื้อ เช่น เกาหลี และมาเลเซีย แต่ก็ยังเป็นกลุ่มเล็ดๆ ส่วนไทยใช้มาตรการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น เราแจ้งคนไทยทุกคนที่เคยสัมผัสคนจีน ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ ถือว่าอยู่ในข่ายเฝ้าระวัง หากมีอาการก็จะทำให้จัดการได้เร็ว

 

 

matemnews.com 

7 กุมภาพันธ์ 2563