อีกรายหญิงจีนอายุ 68 อาการไวรัสปรากฏในไทย เข้าร.พ.แล้วเป็นคนที่ 35
นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะแถลงข่าวที่ศูนย์ฉุกเฉิน กระทรวง เมื่อบ่าย 17 ก.พ.2563 ความคืบหน้าสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า
“วันนี้ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ 3 ฝ่าย ได้รายงานผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่ม 1 รายเป็นนักท่องเที่ยวจีน เพศหญิงอายุ 68 ปี เป็นผู้สัมผัสของผู้ป่วยยืนยันรายที่ 22 และอยู่ระหว่างการติดตามเฝ้าระวังมาตั้งแต่แรกอย่างต่อเนื่อง เมื่อพบว่ามีไข้ ไอ จึงรับเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษา (เป็นผู้ป่วยรายที่ 4 ในครอบครัวเดียวกัน) นับเป็นผู้ป่วยยืนยันรายที่ 35 ของประเทศไทย
กระทรวงสาธารณสุข ได้ขยายการเฝ้าระวังเพื่อให้สามารถค้นพบผู้ป่วยได้มากขึ้น ใน 3 กลุ่ม ดังนี้
1.ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบที่หาสาเหตุไม่ได้ และผู้ป่วยที่เป็นผู้ประกอบอาชีพที่สัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวที่มาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
2.เพิ่มการคัดกรองที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และในโรงพยาบาล หากเป็นผู้เดินทางจากประเทศจีน ฮ่องกง มาเก๊า จีนไทเป ญี่ปุ่น สิงค์โปร์ และประเทศที่มีรายงานการระบาด รวมถึงระบาดในชุมชน
3.ในส่วนของโรงพยาบาลให้เพิ่มการเฝ้าระวังเป็นพิเศษกรณีที่ผู้ป่วยมีประวัติเดินทางกลับมาจากประเทศที่มีรายงานพบการแพร่เชื้อในชุมชนภายในประเทศนั้นๆ (local transmission)
กรณีเรือสำราญ Westerdam เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยง กระทรวงสาธารณสุขจึงมีมาตรการ 2 ส่วน
1.กรณีคนไทยกลับบ้านมีการดูแลติดตามเฝ้าระวังต่อเนื่องจนครบ 14 วันตามมาตรฐานป้องกันควบคุมโรค หากจะเดินทางต่อมีการคัดกรองก่อนขึ้นเครื่องหากมีไข้ไม่อนุญาตให้ขึ้นเครื่อง และส่งเข้ารักษาตามระบบ
2.คนต่างชาติจะไม่อนุญาตให้เข้าประเทศ ทั้งการต่อเครื่องและเปลี่ยนเครื่อง โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ประสานงานกับสายการบิน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงการต่างประเทศและบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หากจำเป็นจะเดินทางเข้าประเทศไทย ต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคของไทยอย่างเคร่งครัด เช่น สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ พร้อมแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ ตรวจคัดกรองก่อนขึ้นเครื่อง และหากตรวจพบเข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง เช่น ไข้ ไอ จะถูกส่งเข้าระบบเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคของประเทศไทยทันที ทั้งนี้ การป้องกันควบคุมโรค กรณีคนบนเรือ westerdam ที่จะมาเมืองไทยเกิดขึ้น ภายหลังมีการยืนยันว่า มีคนบนเรือติดเชื้อ COVID-19 แล้ว 1 ราย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้เพิ่มศักยภาพและพัฒนาการตรวจด้วยชุดน้ำยาสำเร็จรูปแบบ real time RT-PCR รู้ผลเร็ว มีความแม่นยำสูง ในระยะต่อไปจะขยายไปยังโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปให้ตรวจวินิจฉัยเชื้อได้ นอกจากนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงรับประเมินชุดน้ำยาสำเร็จรูปแบบ real time RT-PCR เพื่อขึ้นบัญชีชุดน้ำยาที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน เป็นข้อมูลช่วยให้โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป รวมทั้งภาคเอกชน เลือกซื้อชุดน้ำยาสำหรับตรวจวินิจฉัยเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่มีความแม่นยำสร้างความมั่นใจประชาชน
วันนี้ได้ประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ถึงข้อสั่งการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ดังนี้
1.รณรงค์ให้ประชาชนหมั่นล้างมือ ใช้หน้ากากผ้า ทำความสะอาดจุดสัมผัสที่อาจเป็นจุดแพร่เชื้อโรค โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรถสาธารณะ และผู้ให้บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติ
2.จังหวัดที่มีท่าเทียบเรือ สนามบิน และช่องทางเข้าออกที่มีการเดินทางจากต่างประเทศ ให้ตั้งด่านควบคุมโรค คัดกรองผู้โดยสารและผู้ที่ผ่านช่องทางเข้าออกทุกราย โดยเฉพาะ กทม. และปริมณฑล เชียงใหม่ เชียงราย ชลบุรี กระบี่ และภูเก็ต บูรณาการบุคลากรในจังหวัด เขตสุขภาพ รวมถึงเขตสุขภาพใกล้เคียง ร่วมกับกรมควบคุมโรค
3.จัดหาเวชภัณฑ์ที่จำเป็น อาทิ หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ ชุดปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ให้พร้อมใช้
4.เตรียมทีมเฝ้าระวังสอบสวนโรค ติดตามผู้สัมผัส รักษาพยาบาล ห้องแยกโรคชนิดต่างๆ และหอผู้ป่วยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจ
5.ใช้กลไกคณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัด ขับเคลื่อนและสื่อสารแนวทางการคัดกรอง การรักษาพยาบาล ให้สถานพยาบาลเอกชนในจังหวัด
6.ดำเนินงานตามข้อสั่งการ อย่างเคร่งครัด และรายงานผลการดำเนินงาน
ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ คนไทยกลับบ้านที่อาคารรับรองสัตหีบ จำนวน 137 คน ทุกคน ไม่มีไข้ และไม่มีผู้ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคส่วนผู้ที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลชลบุรี 1 คน อาการปกติไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างการเตรียมการก่อนที่จะอนุญาตให้กลับบ้านในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563
matemnews.com
17 กุมภาพันธ์ 2563