ส.ส.ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ท้าพลเอกประยุทธ์เอาปืนไปยิงดวลกันหน้าวัดพระแก้ว ใส่กระสุนคนละนัด
นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ได้คิวอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่รัฐสภาเกียกกาย เวลา 10.40 น.วันที่ 27 ก.พ.2563
“ขบวนการที่อ้างว่า เป็นการล้มมวยช่วยเหลือ คดีของบริษัท ฟิลลิปมอร์ริส นำเข้าบุหรี่หลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรและสำแดงเท็จ ระบุเกี่ยวข้องกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และนายดอน ปรมัตวินัย รมว.ต่างประเทศ หรือไม่ โดยมั่นใจหลังถูกแฉ ทั้งสามคนต้องชิงลาออก ถูกประชาชนขับไล่แน่นอน ตนจะดำเนินคดีหลังจากนี้มีคนต้องติดคุก ความเสียหาย 84,000 ล้านบาท แต่ใจหิน เตะถ่วงจนค่าปรับเหลือเเค่ 1,224 ล้านบาท ฟิลลิปมอร์ริสเเพ้คดีที่สหรัฐอเมริกา และยุโรป ถูกปรับเป็นหมื่นล้าน ไม่เฉลียวใจหรือว่ามาชนะที่ไทยที่เดียว ที่จริงเขาเเพ้คดีเราทุกประตูไม่มีทางสู้ สำเเดงราคาเท็จ หลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรเเต่ผู้บริหารประเทศดันทุรังทำลายอธิปไตยไทย กรมราชทัณฑ์ล้างคุกรอไว้เเล้ว ยกเว้นมีปาฏิหาริย์เมื่อวันที่ 3 ต.ค.56 สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ อัยการสูงสุดเห็นชอบให้สั่งฟ้อง ฟิลลิปมอร์ริส แต่มาถึง วันที่ 22 ส.ค. 2557 พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุม กรอ. เพื่อหาทางช่วยเหลือบริษัทดังกล่าว เอกชนขอให้ลดโทษกรณีไม่มีเจตนา แต่กรมศุลกากรคัดค้าน จากนั้นมีการมอบหมายกระทรวงการคลัง ให้กรมศุลกากรไปปรับปรุงกฎหมายศุลกากร มาตรา 27 อีกทั้งเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2557 มีกระบวนการยื้อให้คดีหมดอายุความ ทั้งที่ดีเอสไอ เร่งให้สั่งฟ้อง ซึ่งวันที่ 9 มิ.ย. 2558 นายวิษณุ พยายามเเทรกเเซง เรียก 7-8 หน่วยงานมาหารือ แต่ตัวเเทนอัยการสูงสุด ย้ำว่ามีคำสั่งฟ้องเเล้วจะแก้ไขไม่ได้ เเนะนำให้ใช้มาตรา 44 แก้ไข เเต่นายวิษณุไม่ยอมใช้ เพราะมั่นใจว่าจะดำเนินการได้ นายวิษณุ กล้าสาบานไหมว่าเรื่องนี้ไม่จริง โดยความพยายามกดดันของนายวิษณุที่จะเเทรกเเซงช่วยบริษัทต่างชาติเลี่ยงภาษีนั้นไม่สำเร็จ เนื่องจากอัยการสูงสุดยืนยันว่าต้องฟ้อง จากนั้นวันที่ 21 ก.ค. 58 ในการประชุมครม.ที่มีนายกฯ เป็นประธาน มีการอนุมัติหลักการแก้ไขพ.ร.บ.ศุลกากร มาตรา 27 เพื่อลดค่าปรับ โดยให้เลือกปรับโทษกองน้อยที่สุดหากมีหลายฐานความผิด เมื่อมีการดำเนินการเริ่มแก้ไขกฎหมายดังกล่าวเเล้ว จึงค่อยดำเนินการสั่งฟ้องในวันที่ 18 ม.ค. 2559 ซึ่งมันล่าช้าไปสองปีจนคดีหมดอายุความไป ต่อมาวันที่ 21 ก.ค. 2559 องค์การการค้าโลก (WTO) ตัดสินให้ไทยเเพ้คดี มองว่า ไม่ใช่เเพ้เพราะข้อกฎหมาย เเต่เพราะตั้งใจล้มคดี คดีมูลค่าเเสนล้านบาท ไทยใช้ทนายขอเเรงค่าจ้างเเค่ 5 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 4 ต.ค. 2559 ครม.เสนอสนช.แก้กฎหมายศุลกากร โดยให้เหตุผลว่าเเพ้คดี WTO ประเทศอื่นเอาประโยชน์ของชาติเป็นที่ตัวตั้ง แต่กับเราผู้มีอำนาจได้อะไรจากงานนี้ หรือไม่ แก้มาตรา 27 เพื่อลดภาษีบุหรี่ต่างชาติ ลดค่าปรับยังไม่พอยังพยายามช่วยฝรั่งพ้นคุก อ้างว่ากระทบกับรูปคดี กับ WTO โดยนายดอนออกหนังสือฉบับที่ 1 วันที่ 23 ก.ค. 2561 ถึงนายวิษณุ ในเนื้อหาหนังสือ นายดอน พยายามกดดันเจ้าหน้าที่ไทยว่า ควรยื่นอุทธรณ์ ต่อ WTO หรือไม่ นายดอน แทนที่จะช่วยประเทศไทย แต่กลับไปช่วยต่างชาติ ที่ทำแบบนี้เพราะมีไอ้โม่งชักใย ทั้งที่ที่เรายังไม่แพ้คดี แต่กลับอ้างว่าไทยไม่ควรอุทธรณ์ต่อ WTO เพราะอาจจะแพ้คดี ทั้งๆ ที่ WTO ไม่ได้บอกแบบนั้น ทำแบบนี้เอื้อบริษัทบุหรี่ต่างชาติชัดๆ ในส่วนของ ม.27 ลักลอบนำเข้า ที่มีสูตรค่าปรับเดิม 4 เท่า บวกค่าของ และค่าอากร จึงเป็นที่ตัวเลข 84,000 ล้านบาท แต่เราใจดี สงสารบริษัทบุหรี่ต่างชาติที่โกงประเทศไทย จึงแก้ม.27 และจัด 2 มาตรา คือม.242 และ ม.243 จับมัดรวมกัน ให้ลงโทษเฉพาะกรณีแค่ฉ้ออากร ค่าปรับจึงเหลือ 1,225 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2562 นายดอนมีหนังสือฉบับที่ 2 ถึงนายวิษณุ เรื่องการระงับข้อพิพาทไทยกับฟิลลิปปินส์ ที่บ.ฟิลลิป มอร์ริส ขอให้อัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้องกลับมาพิจารณาใหม่ คุณทำเกินหน้าที่ ทำไมรักษาผลประโยชน์ต่างชาติมากกว่าไทย ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ออกหนังสือ นร 0402/ล.3211 สั่งรองเลขานายกฯ ในขณะนั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต กรมสรรพากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกรมการค้าระหว่างประเทศ ให้พิจารณาข้อเสนอของ บ.ฟิลลิป มอร์ลิส เพื่อเสนอแนวทางยุติข้อพิพาทอันฉันมิตร ถือเป็นการยอมรับให้คู่ความเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม และนายกฯ ฝ่าฝืน รัฐธรรมนูญ ม.186 วรรคสอง จากนี้จะต้องติดคุก 4 คนเต็ม ๆ คือ พล.อ.ประยุทธ์ นายวิษณุ นายดอน และไอ้โม่งที่เป็นฝรั่ง คำนวณไปมา พล.อ.ประยุทธ์ นายวิษณุ นายดอน ต้องติดคุก 7,364 ปี ตาม ป.อาญา 83 ประกอบ ประมวลรัษฎากร มาตรา 90/4 การช่วยเหลือบ.ฟิลลิป มอร์ริส เท่านี้ยังไม่สะใจ ยังทำลายบุหรี่ไทยพังยับเยินถาวร จนโรงงานยาสูบพังทั้งระบบ กระทบคนกว่า 2 ล้านชีวิตที่ต้องตกระกำลำบากนอกจากนี้ยังช่วยเจ้าสัว ทันทีที่ยึดอำนาจมี ม.44 อยู่ในมือ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งเพื่อนรักที่เดินไปไหนด้วยกันบ่อยๆ ไปคุมยาสูบ นอกจากนั้นการบริหารงานในโรงงานยาสูบ สร้างความเสียหายมูลค่าหลายร้อยล้านบาท เช่น ในเรื่องของไลน์การผลิต การติดตั้งเครื่องจักรที่ไม่สามารถดำเนินการได้ ทั้งยังมีกรณีการปรับโครงสร้างภาษีเอื้อบุหรี่ต่างชาติ นอกจากนั้นยังมีการแปรรูปโรงงานยาสูบ ด้วยการให้การยาสูบเป็นนิติบุคคล โอนทรัพย์สิน จากที่พัสดุ มาเป็นของการยาสูบ และให้เอกชนเข้ามาร่วมตั้งบริษัท เพื่อใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินของยาสูบได้ ถือเป็นการเอื้อเจ้าสัว อย่างไรก็ตามการต่อสัญญาศูนย์ประชมแห่งชาติศิริกิติ์ 50 ปี ทำไมไม่ปล่อยให้สัญญาสิ้นสุดลง 8 เม.ย. 2564 นั้นเพราะว่า ถ้าสัญญาหมดลงจะต้องเปิดประมูลแข่งขันอย่างเสรี แต่คนในรัฐบาลอ้างความเห็นกฤษฎีกาว่าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ถือเป็นแผนฮุบที่ดินที่เอื้อกันสุดๆ เมื่อได้รับการต่อสัญญาแล้ว มีการแก้ผังเมืองบริเวณดังกล่าว ให้สามารถสร้างตึกสูงได้กว่าที่กำหนดไว้เดิม เป็นที่น่าสังเกตว่า การต่อสัญญาตอนที่ยังสร้างตึกสูงไม่ได้ เพื่อให้การจ่ายค่าเช่าต่ำที่สุด โดยวางแผนเพื่อต้องการสร้างเมกะโปรเจกต์ ที่มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ มีโรงแรม และมีห้างสรรพสินค้า ผมคิดว่าหากสร้างเสร็จแล้ว ถนนคลองเตยทั้งเส้นก็จะกลายเป็นถนนเจริญ ผมสงสัยว่า ทำไมรัฐบาลชุดนี้ถึงใจดีช่วยเจ้าสัวมากขนาดนี้ เปิดทางให้เจ้าสัวสามารถยึดที่โรงงานยาสูบได้
นอกจากนี้ในสมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งผบ.ทบ.ได้จัดซื้อรถถังจากประเทศยูเครนด้วยวงเงินงบประมาณ 8,000 ล้านบาท มีกำหนดส่งมอบปี 2558 แต่กลับมีการส่งมอบจริงปี 2561 ปรากฏว่าไม่มีการจ่ายค่าปรับ สำหรับการจัดซื้อครั้งนี้มีการตั้งคนไทยสองคนเป็นลูกจ้างในกงสุลไทยที่ประเทศยูเครน นอกจากนี้ การซื้อขายรถถังไม่ได้เป็นไปลักษณะรัฐต่อรัฐ แต่พบว่ามีการดำเนินการผ่านบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งจากการตรวจสอบของทางการยูเครนพบว่า มีเงินส่วนหนึ่งจ่ายผ่านคนกลางจำนวน 1,400 ล้านบาท และเมื่อมีการจ่ายเงินลูกจ้างคนดังกล่าวก็ลาออก ยูเครนส่งผลการตรวจสอบให้กระทรวงต่างประเทศไทยให้ตรวจสอบแต่มีไอ้โม่งเก็บเรื่องเอาไว้ไม่ให้มีการตรวจสอบ รถถังนี้เป็นรถถังเชียงกงย้อมแมวใช้เวลาประกอบนานมาก ผิดกับซื้อขายรถถังของจีนที่ใช้เวลาประกอบรถถังและส่งมอบในเวลาไม่นาน พี่ใหญ่ซื้อเรือดำน้ำ พี่รองไม้แหย่แย้ เรือเหาะ ส่วนน้องเล็กซื้อรถถังโอพอด ตั้งแต่ยึดอำนาจมา 6 ปีและสืบทอดอำนาจ แม้จะอ้างว่ามาตามประชาธิปไตย แต่ทำเศรษฐกิจไทยพังยับเยิน สาเหตุที่เราทรุดแบบนี้เพราะเรามีภูมิคุ้มกันไม่ดี ท่านนายกฯมักจะบอกว่าตัวเองเสียสละ และความรักชาติ เอาหน้าที่การเป็นทหารมาข่มขู่คนอื่น ก่อนที่จะมาอภิปรายวันนี้มีคนเตือนผมเยอะว่าจะเจอะกับอะไร ผมไม่กลัว ถ้าผมกลัวไม่ยืนอภิปรายสู้ขนาดนี้ นี้คือนักรบพันธุ์ดุ ผมได้ทำพินัยกรรมให้กับลูกผมแล้วว่า พ่อเป็นอะไรไป ให้พี่ๆ น้องๆ รักกันดูแลกันให้ดี พ่อจะทำดีให้บ้านเมือง พ่อจะเป็นอะไรไม่สำคัญ เรียนนายกฯว่า เพื่อพิสูจน์ พรุ่งนี้ นายกฯไปที่วัดพระแก้ว กับผมเราจะได้รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พรุ่งนี้ นายกฯ ไปที่หน้าวัดพระแก้วกับผม เราจะได้รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราเตรียมกระสุนไปคนละนัด ต่างคนต่างแลกยิงกันดูเลย เพื่อพิสูจน์ความจงรักภักดี เอาอย่างนั้นเลยนะครับ”
มีส.ส.ฝ่ายรัฐบาลลุกขึ้นประท้วงให้ถอนคำพูด นายศรันย์วุฒิ ถอน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ยกมือได้อภิปราย ว่า
“ข้อกล่าวหาของนายศรัณย์วุฒิ มีหลายประเด็นที่ไม่ถูกต้อง ก็พอเข้าใจได้ว่า อาจจะเกิดความสับสน อย่างไรก็ตาม ขอชี้แจงให้เกิดความเข้าใจตรงกันในข้อเท็จจริงว่า กรณีนี้ถือว่าเป็นคดีที่ความเป็นมายาวนาน โดยผู้อภิปรายระบุว่า บุคคลในรัฐบาลได้มีการเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจต่างชาติ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี , นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผม เดิมบริษัทไทยนำเข้าบุหรี่จากมาเลเซียตั้งแต่ปี 2540 – 2550 พบว่าการนำเข้ามาราคาหนึ่ง แต่มาสำแดงอีกราคาหนึ่งพอถูกจับและปรับจึงยกเลิก แล้วนำเข้าจากฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียแทน แต่ก็ยังมีพฤติกรรมเช่นเดิม สุดท้ายมีการแจ้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ และดำเนินคดีในไทยมายาวนาน และ มีการดำเนินคดีในสวิตเซอร์แลนด์โดยองค์การการค้าโลก (WTO) เป็นระยะเวลายาวนาน เช่นกัน โดยในส่วนของคดีนอกประเทศปี 2551 ฟิลิปปินส์ฟ้องไทยต่อ WTO ข้อหาผิดข้อตกลงระหว่างประเทศ 14 ข้อหา และในปี 2553 WTO ให้ไทยแพ้ ส่งผลให้ฟิลิปปินส์ตอบโต้ทางการค้าได้ แต่ไทยอุทธรณ์ ต่อมาปี 2553 WTO ให้ไทยแพ้ชั้นอุทธรณ์ และในปี 2558 WTO สั่งว่าไทยยังไม่ทำตามคำตัดสิน สำหรับคดีในประเทศไทยในปี 2553 อัยการสั่งไม่ฟ้องบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) จำกัด แต่ในปี 2554 ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลขณะนั้น (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ทำให้ปี 2556 อัยการสูงสุดสั่งฟ้องบริษัทแต่ยังไม่ฟ้องร้องดำเนินคดี และในปี 2558 ประธานใหญ่ของบริษัทมาร้องต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรี โดยย้ำว่าไทยแพ้คดีใน WTO แล้ว 3 ครั้ง ขอให้รัฐบาลไทยช่วย ซึ่งเดาว่าคงอยากให้ใช้มาตรา 44 ใช้บารมีไม่ให้อัยการสูงสุดฟ้อง และในช่วงนั้นนายกรัฐมนตรีมีกำหนดเดินทางไปประชุมในต่างประเทศ ต้องเจอกับผู้นำประเทศต่างๆ ทั้งผู้นำจากฟิลิปปินส์ สหรัฐอเมริกาและตัวแทนจากบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ผมจึงนัดประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน 28 คนจาก 8 หน่วยงาน โดยเฉพาะอัยการและดีเอสไอเข้าร่วมประชุมด้วย มีบันทึกรายงานการประชุมทุกอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้ปิดบังซ่อนเร้น เพื่อสืบสาวราวเรื่องที่มาที่ไปว่าเป็นอย่างไร และเตรียมหาทางออกเรื่องดังกล่าว สำหรับข้อสงสัยที่ไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีทันที เพราะยังมีเวลา ในที่สุดฟ้องร้องในเดือนมกราคมปี 2559 ดังนั้น ข้อกล่าวหาที่ว่าผมวิ่งเต้นแทรกแซงจึงไม่เป็นความจริง และเดือนพฤศจิกายน 2562 ศาลอาญาตัดสินว่าบริษัทมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรให้ปรับ 4 เท่าของภาษีที่หลีกเลี่ยง เท่ากับ 1225 ล้านบาท แต่ในคำพิพากษายังไม่ระบุให้จ่ายสินบนนำจับร้อยละ 30 ของราคากลางและค่าปรับ และขณะนี้ยังไม่มีใครยื่นอุทธรณ์ แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ เพราะกรณีดังกล่าวเป็นคดีที่ฟ้องกรณี นำเข้าบุหรี่จากมาเลเซีย แต่ยังมีคดีอินโดนีเซียอยู่ในศาลไทย รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ แม้คดีที่เกิดขึ้น จะเกิดตั้งแต่สมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ และมีการฟ้องร้องดำเนินคดีระหว่างฟิลิปปินส์ กับไทยกันมายาวนานจนมาถึงรัฐบาล คสช. ก็เดินหน้าฟ้องร้องไปตามปกติเนื่องจากยาสูบเป็นอันตรายถึงไม่อยากส่งเสริม แต่เพื่อเป็นการปกป้องธุรกิจยาสูบของไทย ปกป้องกฎหมายไทย และที่สำคัญปกป้องความรู้สึกที่ดีของคนไทย พร้อมยืนยันไม่ได้ใช้อำนาจเข้าไปก้าวก่าย หลังเชิญอัยการมาร่วมประชุมเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2558 ทุกอย่างมีการบันทึก อย่างโปร่งใส เป็นการประชุมเพื่อหาข้อเท็จจริง แกล้งฟ้องร้องบริษัท ฟิลลิปส์ มอริส เพราะบริษัทดังกล่าวทำผิดเอง โดยล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ศาลอาญาได้ตัดสินให้ปรับ บริษัท ฟิลลิปส์ มอริส เป็นจำนวน 4 เท่าของภาษีที่หลีกเลี่ยง เป็นจำนวน 1,225 ล้านบาท ผมขอยืนยันว่า ไม่ได้แทรกแซง ไม่ได้ก้าวก่าย พฤติกรรมเหล่านี้เป็นการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นการแทรกแซงก้าวก่ายโดยชอบ แต่ถ้าเป็นการแทรกแซงก้าวก่ายคือการทำถุงขนมตกที่ศาลในสมัยหนึ่ง ถือเป็นการวิ่งเต้นก้าวก่ายการทำงานของศาล”
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อภิปรายว่า
“กรณีฟิลลิปมอร์ริส กระทรวงต่างประเทศไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่เกี่ยวโยงปลายทาง เพราะมีภารกิจดูแลผลประโยชน์ของประเทศไทย หรือกรณีมีพันธกรณีที่เป็นปัญหากับไทยก็ต้องหาทางแก้ไข เมื่อองค์การการค้าโลก (WTO) ตัดสินว่าเราผิด ก็ได้ติดตามรายงานให้รัฐบาลทราบ ยืนยัน กระทรวงต่างประเทศไม่ได้แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมตามที่ถูกกล่าวหา ขอให้ความชัดเจน เรื่องต่างๆ ที่กล่าวหา แม้มีการนำเสนอขึงขัง แต่ข้อมูลค่อนข้างเบา ไม่หนักแน่น และที่แพ้ไม่ใช่เพราะพิธีการเท่านั้นมีหลายเรื่องซับซ้อนอยู่”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อภิปรายชีแจงประเด็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายการจ่ายเงินชดเชยผู้ประสบภัยในพื้นที่ทางการเกษตรในอุบลราชธานีล่าช้าว่า
“ได้ตรวจสอบไปที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แล้วพบว่า เกษตรกรที่ประสบภัยพายุโพดุลและคาจิกิได้ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือแล้วจำนวน 438 ล้านบาท ด้านประมงในพื้นที่ 19 อำเภอ ได้จ่ายเงินช่วยเหลือ 5.4 ล้านบาท ครบถ้วนแล้ว เช่นเดียวกับพื้นที่ปศุสัตว์ วงเงิน 1.6 ล้านบาท ส่วนนี้อยู่ในระหว่างการสำรวจความเสียหายให้ชัดเจน ซึ่งขอเวลาอีกสักนิดจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ส่วนเรื่องการซื้อขายที่ดินที่อ้างว่าบิดาของผมสุขภาพไม่ดีปี 2559 นั้น ขอชี้แจงว่าผมขายที่ดินเมื่อปี 2556 โดยปี 2555 – 2556 สุขภาพของบิดายังดีอยู่ และยังดุผมอยู่เลย และเสียภาษีถูกต้องและตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ดินแล้ว และรายงานต่อ ป.ป.ช.แล้ว และมีการแถลงให้ดูต่อสาธารณะ ผมลงรายละเอียดมากเกินไปด้วยซ้ำ บางคนไม่เห็นการโอนเงินเลยด้วยซ้ำเรื่องการซื้อรถถังจากยูเครน ประเทศไทยไม่มีกฎหมายบาร์เตอร์เทรด เอาสินค้าแลกกับอาวุธไม่ได้ แต่แค่การต่างตอบแทนเท่านั้น เรื่องการทำสัญญาจีทูจีก็เป็นเรื่องของแต่ละประเทศจะดำเนินการ แต่เรื่องการติดต่อจะให้มีบริษัทดำเนินการ เป็นหลักเกณฑ์ที่มีอยู่แล้ว สำหรับการส่งมอบรถถังที่ล้าช้า เพราะยูเครนมีปัญหาภายในทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนเวลาการส่งมอบ ส่วนภาพที่อ้างว่าผมไปเยือนยูเครนเพื่อซื้อรถถังไม่ใช่ เพราะเป็นการไปเยือนยูเครนอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของทางการยูเครน และพาไปดูรถเท่านั้นเองแล้วเอามาพิจารณา ผมไม่ได้กลัวการตรวจสอบใดๆ ทั้งสิ้น เรื่องโรงงานยาสูบมีแผนจะย้ายมาตั้งนานแล้วหลายรัฐบาล และทุกอย่างเป็นไปตามแผน การมาอ้างว่าย้ายเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจจึงไม่ถูกต้อง ขอบคุณในความหวังดีท่านอภิปรายได้สนุกดี แต่ขอให้รักษาเวลาอันมีค่าของสภาด้วย”
ข่าวของ BBC Thai https://bbc.in/39fPi0Z
matemnews.com
27 กุมภาพันธ์ 2563