ต่างประเทศ

จากงานวิจัยของนาย “Matthew Sachs” นักเรียนปริญญาเอกของ “Oxford Academic” ในสาย “ประสาทวิทยาศาสตร์” (Neuroscience) ระบุว่าถ้าคุณ มีอาการนี้ขณะฟังเพลง แสดงว่าร่างกายจะมี เส้นประสาทสมอง ในบริเวณคอร์เท็กซ์ของระบบรับเสียง (Auditory Cortex) ที่เชื่อมต่อกับอารมณ์ความรู้สึก มากกว่าคนอื่น!! ซึ่งผลที่ว่าคือมันจะทำให้คุณเป็น คนที่สัมผัสอารมณ์ได้ดีสุดๆ!! เรียกได้ว่า เสพหนังหรืองานดนตรี ได้ฟีลกว่าชาวบ้านชาวช่อง นั่นเอง!!         ขอบคุณข้อมูลจาก IN EAR...

พายุเฮอร์ริเคนความรุนแรงดับระดับ 5 ‘เออร์มา’ เตรียมขึ้นฝั่งเปอร์โตริโก หลังบุกโจมตีหมู่เกาะแถบทะเลแคริบเบียนจนราบพณาสูร พายุเฮอร์ริเคนเออร์มา ความรุนแรงระดับ 5 หรือระดับสูงสุด 295 ก.ม.ต่อช.ม. เคลื่อนที่เข้าซัดดินแดนหมู่เกาะในดินแดนแคริบเบียน ซึ่งรวมถึงเกาะแซงต์มาร์แต็ง ดินแดนในอาณัติของฝรั่งเศส โดยเกาะนี้เป็นที่ตั้งของคฤหาสถ์ตากอากาศของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯอีกด้วย สำหรับความเสียหายที่เออร์มาก่อนั้น นอกจากจะพาฝนห่าใหญ่มาพร้อมกับน้ำป่าไหลหลาก ยังทำให้ประชาชนประสบความเดือดร้อนรุนแรง ถูกตัดไฟฟ้าและการสื่อสารแต่ยังโชคดีที่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต https://www.youtube.com/watch?v=mYLoKPaBUD4 ขณะที่ชาวอเมริกันในรัฐฟลอริดาเตรียมรับมืออย่างระทึก เพราะอยู่บนเส้นทางพายุและคาดการณ์ว่าอาจมีคลื่นชายฝั่งสูงลิ่วฉับพลันซัดเข้าฝั่ง ต่อเนื่องจากเฮอริเคนฮาร์วีย์เพิ่งซัดถล่มรัฐเท็กซัส ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 42...

สาวน้อยชาวญี่ปุ่นรายหนึ่งโพสต์เรื่องราวสุดซาบซึ้งของพ่อเธอลงในทวิตเตอร์ ว่าด้วยความสงสัยว่าเหตุใดคุณพ่อถึงใส่เสื้อโปโลสีเขียวบ่อยมาก แทบจะทุกโอกาสสำคัญเลยทีเดียว 父が、ボロボロになってもずっと着続けている服、新婚旅行に母とお揃いで着ていた物だと知る・・・😲 pic.twitter.com/sZ3FBNZ9Ox — R1A (@922_riaru) August 15, 2017 จนวันหนึ่งเธอได้โอกาสจัดบ้าน และพบกับกล่องเก็บของของพ่อเธอ ซึ่งในนั้นมีรูปของหนุ่มสาวหน้าตาดี ฝ่ายชายใส่เสื้อโปโลสีเขียว ฝ่ายหญิงใส่เสื้อคู่ที่คล้ายกันแต่เป็นสีเหลือง ซึ่งรูปดังกล่าวเป็นรูปของพ่อแม่เธอขณะไปฮันนีมูนกันนั่นเอง ซึ่งหญิงสาวผู้เล่าเรื่องเผยว่า แม่ของเธอนั้นเสียชีวิตไปแล้วกว่า 18 ปี ด้วยโรคมะเร็ง แต่ด้วยความรัก ความคิดถึงที่พ่อของเธอยังคงมีอยู่ เขาจึงสวมเสื้อที่ใส่ไปฮันนีมูนตัวนั้นอยู่เสมอ เพื่อแสดงความระลึกถึงความรักที่จากไปของเขานั่นเอง ‘ฉันเคยสงสัยว่าทำไมพ่อต้องใส่เสื้อตัวเดิมซ้ำๆ แม้เสื้อจะขาด จะผุพังก็ยังคงเย็บมันด้วยตัวเองเสมอ...

วลาดิเมียร์ ปูติน ออกโรงเตือนเหล่าผู้นำโลกซึ่งมีบทบาทสำคัญในปัญหาภัยคุกคามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือว่า หากบีบเกาหลีเหนือจนหมดหนทางมากเกินไป อาจนำมาซึ่งหายนะครั้งยิ่งใหญ่ได้ ! ยอดผู้นำชาวรัสเซียออกโรงปรามมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือของหลายๆประเทศ ว่าอาจทำให้เกิดผลเสียมากกว่าการแก้ปัญหา เพราะคิมจองอึนนั้นมองความมั่นคงด้านการปกครองของตนสำคัญกว่าปากท้องประชาชน แถมคิมยังเห็นบทเรียนจากซัดดัม ฮุสเซน ที่ถูกฆ่าล้างโคตรเพียงเพราะแข็งข้อกับอเมริกาเท่านั้น นอกจากนี้ปูตินยังเชื่อว่าวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการเจรจา ‘เกาหลีเหนือยอมกินหญ้า (อดตาย) ดีกว่ายอมยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์’ ปูตินกล่าว ปูติน ยังเพิ่มเติมอีกว่า ทุกประเทศต่างรู้ดีว่าเกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครอง ดังนั้นการข่มขู่ด้วยศักยภาพทางทหาร มีแต่จะทำให้เกิดหายนะครั้งยิ่งใหญ่ระดับโลกเท่านั้น ! ขอบคุณภาพจาก ข่าวสด CNN    

แม่ชาวมะกันสุดแค้น ลูกสาวเจอหนุ่มวัย 18 ปี ข่มขืนกระทำชำเรา ตัดสินใจใช้ศาลเตี้ยล้างแค้นลวงไอ้จอมข่มขืนไปในป่าแล้วรัวกระสุน 6 นัด ส่งหนุ่มหื่นลงนรก คุณแม่ผู้โกรธแค้น นางคอนนี เซอร์บู ชาวมลรัฐฟลอริดา ผู้ต้องหาคดียิงสังหารนายซาเวียร์ ซิเอร์รา หนุ่มวัย 18 ปีจนถึงแก่ความตาย โดยเหตุเกิดหลังนางเซอร์บูทราบเรื่องที่ลูกสาวถูกย่ำยีจากปากของลูกสาวเอง แต่ลูกขอร้องแม่ว่าอย่าไปทำอะไรเลย แต่นางเซอร์บูขอแก้แค้นและบอกสามีให้เลี้ยงลูกต่อไป หนุ่มนักข่มขืน จากนั้นนางเซอร์บูจึงติดต่อ นายวาร์กัส น้องชายวัย 29 ปีที่สติปัญญาบกพร่อง ให้มาช่วยสังหารหนุ่มวัย...

เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้ระเบิดเยอรมนี ทำการอพยพชาวแฟรงก์เฟิร์ต 65,000 ราย ออกจากบริเวณตัวเมืองเพื่อทำการปลดชนวนระเบิดของอังกฤษที่ตกค้างจากสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โดยหวั่นอาจเกิดระเบิดได้ทุกเมื่อ แม้ท้ายที่สุดจะปลดระเบิดได้เป็นผลสำเร็จก็ตาม ระเบิดลูกดังกล่าวมีขนาด 1.4 ตัน พบในพื้นที่ก่อสร้างบริเวณถนนวิสมาเรอร์ ในย่านเวสต์เอนด์ ใกล้กับมหาวิทยาลัยเกอเธ่ ของเมืองแฟรงก์เฟิร์ตเมื่อวันพุธที่ 30 ส.ค. จากนั้นทางการจึงส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าไปในพื้นที่แล้วและจะมีการอพยพชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในบริเวณรัศมี 1.5 กิโลเมตรโดยรอบ การอพยพเริ่มขึ้นในเวลา 06.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น และผู้คนทั้งหมดต้องอพยพออกจากพื้นที่ก่อน 8.00 น. และเจ้าหน้าที่ประเมินว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจก่อนเวลา...

วันที่ 29 สิงหาคม อนิต้า ชุง โฆษกสภาโรฮิงญายุโรป แถลงว่า ในระยะเวลา 3 วันที่ผ่านมา ทหารเมียนมาได้ปฏิบัติการกวาดล้างฆ่าล้างดผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ 2,000-3,000 คน “ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งทหารเมียนมาได้ปิดล้อมสังหารชาวโรฮิงญานีบพันคน เหลือรอดเพียงเด็กชายเพียงคนเดียว” เธอกล่าว เมียนมาได้ปราบปรามชาวโรฮิงญาหลังมีกองกำลังติดอาวุธบุกโจมตสถานีคำรวจและค่ายทหารส่งผลให้ทหาร-ตำรวจเสียชีวิต 12 คน กำลังโรฮิงญาเสียชีวิตมากกว่า 80 คน การบุกโจมตีหมู่บ้านโรฮิงญาซึ่งเป็นพลเรือน ส่งผลให้ชาวบ้านต้องอพยพข้ามแม่น้ำไปบังคลาเทศ แต่ถูกส่งตัวกลับ อ้างว่า รับภาระไม่ไหวเพราะก่อนหน้านี้...

เฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ยังคงทวีความรุนแรงไม่เลิกรา หลังก่อฝนตกหนักและน้ำท่วมใหญ่ ทำให้เมืองฮูสตันจมบาดาลมาแล้ว 5 วัน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 18 ราย อีก 6 รายสูญหายไปกับรถตู้ที่ถูกน้ำซัด ประชาชนจำนวนมากเผชิญน้ำท่วมหนักและต้องอพยพจากบ้านเรือน นอกจากนี้ยังมีการเผยเรื่องราวสุดเศร้าของคู่แม่ลูกคู่หนึ่งว่า แม่ลูกคู่นี้กำลังเข้าไปยังพื้นที่จอดรถบนเส้นทางอินเตอร์สเตต 10 ในเมืองโบมอนต์ กำลังจะขึ้นรถได้ แต่จู่ๆ กระแสน้ำก็ซัดทั้งแม่ลูกลอยไปกลางลำน้ำ ห่างจากรถยนต์ราว 800 เมตร แม่จึงพยายามอุ้มยกให้ลูกลอยคอพ้นน้ำ กระทั่งเมื่อหน่วยกู้ภัยไปพบ หญิงสาวหมดสติไปแล้ว...

หลังการยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยกลางครั้งล่าสุดของประเทศเกาหลีเหนือ พลเมืองโสมแดงทั้งประเทศได้มารวมตัวกันที่จตุรัสกลางกรุงเปียงยางเพื่อร่วมเฉลิมฉลองให้กับข่าวใหญ่ของประเทศ โดยไม่ได้ทราบเลยว่าแท้จริงนั้นเกาหลีเหนือประสบความล้มเหลวในการยิงทดสอบครั้งนี้อย่างสิ้นเชิง ! เป็นเรื่องปกติที่ชาวเกาหลีเหนือจะถูกปกปิดข้อมูลบางส่วน เช่น เรื่องความล้มเหลวของประเทศ เพื่อเป็นการฝังข้อมูลในหัวว่า ประเทศของตนนั้นคือประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีสาวน้อยชาวเกาหลีเหนือนางหนึ่งให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า ‘ประเทศเกาหลีเหนือที่ยิ่งใหญ่และเกรียงไกรนั้น ไม่เคยหวั่นเกรงประเทศใด และเรามั่นใจว่าเกาหลีเหนือพร้อมจะบดขยี้อริราชศัตรูทั่วโลก’ ด้ายนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีอเมริกา เริ่มคุมอารมณ์โกรธไม่ไหว ลั่นผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า The U.S. has been talking to North Korea, and paying...

กัปตันสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์มีกำหนดขึ้นบินจากสนามบินฮีทโทรว สหราชอาณาจักร มุ่งหน้าสู่อัฟกานิสถาน ได้ปฏิเสธที่จะทำการบินเนื่องจากพบว่ามีชายวัยรุ่นคนหนึ่งอยู่บนเครื่องและชีวิตของเขากำลังจะจบลงหากว่าเขาได้บินไปที่ประเทศจุดหมาย และเด็กหนุ่มที่ว่ามีนามว่า Samim Bigzad วัย 22 ปี เขาได้อพยพเข้ามาในอังกฤษเมื่อ 2 ปีที่แล้วโดยอาศัยอยู่ในแคมป์ของผู้ลี้ภัย ก่อนจะหางานทำด้วยการเป็นแรงงานก่อสร้าง โดยผู้คนรอบข้าง Bigzad ต่างรู้จักตัวตนของเขาเป็นอย่างดีว่าเขาเป็นคนจิตใจดี สุภาพ มีความกตัญญู ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ แต่โชคร้ายที่เขาถูกจับและให้ถูกเนรเทศออกจากอังกฤษไปยังบ้านเกิดของเขา ซึ่งก็เป็นที่รู้กันดีว่าหากว่าเขากลับไปที่นั่นอีกครั้งเขาจะต้องถูกประหารชีวิตด้วยการตัดหัวเสียบประจานอย่างแน่นอน และก่อนหน้าที่เขาจะถูกคุมตัวมาสนามบินผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เขาตะโกนออกมาสุดเสียงขอร้องว่าอย่าให้เขากลับไปบ้านเกิดเลย เพราะถ้ากลับไปเขาคงจบชีวิตแน่ๆ เมื่อกัปตันได้ทราบข่าวจึงตัดสินใจที่จะไม่ขึ้นบิน เหตุเพราะเรื่องราวของหนุ่มคนนี้จะต้องจบลงหลังจากก้าวเท้าออกจากเครื่องบินที่เขาขับจริงๆ หรือ อย่างไรก็ตามทางกฎหมายการบินก็ระบุไว้อยู่แล้วว่าอำนาจในการบินขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกัปตันแต่เพียงผู้เดียว...