คลื่นผู้อพยพหลายพันคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวฮอนดูรัส ยังคงมุ่งหน้าสู่สหรัฐฯ แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศชัดว่า “ไม่ต้อนรับ” และขณะนี้พวกเขากำลังหลั่งไหลเข้ามายังเมืองทาปาชูลา (Tapachula) ประเทศเม็กซิโก ซึ่งตั้งอยู่ติดชายแดนกัวเตมาลา พร้อมทั้งตั้งค่ายพักแรมชั่วคราวภายในสวนสาธารณะท่ามกลางฝนตกหนัก
บรรดาผู้อพยพจำนวนมากเหนื่อยล้าและอ่อนแรงจากการเดินเท้ายาวนานหลายชั่วโมงจากชายแดนประเทศกัวเตมาลา พวกเขาส่วนใหญ่เพิกเฉยต่อรถบัสที่ตำรวจจัดมารับไปส่งยังค่ายผู้อพยพ เนื่องจากคลางแคลงใจว่าอาจเป็นกับดักและโดนส่งตัวกลับแทน
ผู้อพยพเหล่านี้เปิดเผยถึงสาเหตุที่ต้องอพยพออกจากประเทศบ้านเกิดว่า เพราะปัญหาความรุนแรงและความยากจนภายในประเทศ
พวกเขาดื้อดึงต่อคำขู่ของทรัมป์ที่ระบุว่าเขาจะปิดชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกหากพวกเขายังเดินหน้าต่อ รวมถึงคำเตือนของรัฐบาลเม็กซิโกว่าพวกเขาอาจะโดนส่งตัวกลับประเทศหากไม่สามารถหาที่ลี้ภัยได้ในประเทศเม็กซิโก
ส่วนที่กัวเตมาลา สื่อท้องถิ่นรายงานว่ามีผู้อพยพราว 1,000 รายกำลังเดินทางขึ้นเหนือไปยังชายแดนเม็กซิโก พวกเขาส่วนใหญ่ระบุว่ารู้สึกปลอดภัยกว่ากับการเดินหน้าไปด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่
ด้านนายแอนเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ว่าที่ประธานาธิบดีเม็กซิโกซึ่งเพิ่งชนะการเลือกตั้งและเตรียมเข้ารับตำแหน่งวันที่ 1 ธ.ค. นี้ ออกมาแสดงความเห็นใจต่อคาราวานผู้อพยพ
“ผมอยากจะบอกพวกเขาว่าพวกเขาพึ่งพาเราได้” โลเปซ โอบราดอร์กล่าว พร้อมย้ำว่าเขากำลังมองหาความช่วยเหลือด้านเงินทุนจากทรัมป์เพื่อมาช่วยในแผนพัฒนาที่จะสามารถบรรเทาความยากจนในภูมิภาคอเมริกากลางและเม็กซิโกใต้
นับตั้งแต่ผู้อพยพเริ่มออกเดินทางเป็นคาราวานเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ก็ได้ขู่ว่าจะยุติความช่วยเหลือในฮอนดูรัสและกัวเตมาลา รวมถึงอาจปิดชายแดนสหรัฐฯ–เม็กซิโกด้วยกำลังทหาร หากผู้อพยพยังไม่ยุติการเดินทาง
รัฐบาลเม็กซิโกกล่าวมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า พวกเขาจะให้ผู้อพยพขึ้นทะเบียนและเข้ากระบวนการขอลี้ภัย ผู้อพยพคนใดที่พยายามจะเลี่ยงกระบวนการดังกล่าวอาจต้องเผชิญกับการโดนส่งตัวกลับ ทว่าจำนวนมหาศาลของคาราวานผู้ลี้ภัยนี้จะเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของเม็กซิโก ซึ่งกำลังพยายามขอความช่วยเหลือจากสหประชาชาติให้เข้ามาจัดการประเด็นดังกล่าว
ส่วนทางรัฐบาลฮอนดูรัสก็ระบุว่าเป็นความผิดของพรรคฝ่ายค้านที่กระตุ้นให้เกิดการอพยพครั้งใหญ่นี้
ข้อมูลโดย China Xinhua News
