กรณีณัฐ เทพหัสดิน ณ อยุธยา นักแสดงหนุ่ม โพสต์ IG ว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ผ่านมา ระหว่างกำลังปั่นจักรยานเสือหมอบมูลค่ากว่าหลักแสนบาทไปยังกองถ่าย ได้มีรถแท็กซี่สีชมพู ทะเบียน ทห6112 กรุงเทพฯ ขับตามมาและเฉี่ยวชนจนตนล้มลงได้รับบาดเจ็บ เป็นรอยพกช้ำและเป็นแผลถลอก ก่อนจะหลบหนีไป แต่โชคดีที่มีพลเมืองดีสามารถถ่ายภาพรถได้ทัน เหตุเกิดที่เลนซ้ายสุดของถนนศรีนครินทร์ แยกกรุงเทพกรีฑามุ่งหน้าแยกลำสาลี
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.25 น. วันที่ 25 เมษายน ที่ สน.ประเวศ ณัฐ เทพหัสดิน ณ อยุธยา นักแสดงหนุ่ม เข้าพบ ร.ต.อ.อุเทน พลับพริ้ม รอง สว.(สอบสวน) สน.ประเวศ เพื่อขอให้ช่วยประสานกับฝ่ายสืบสวน หาข้อมูลของผู้ขับรถแท็กซี่สีชมพู คันดังกล่าวว่าเป็นของอู่ใด และใครเป็นผู้ชับขี่ เพื่อที่จะออกหมายเรียกมาทำการสอบสวน
เบื้องต้น ร.ต.อ.อุเทน กล่าวว่า ขณะนี้ทางนายณัฐ ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาต่อนายชุมพล แต่อย่างใด ซึ่งเจ้าตัวได้เจรจาไกล่เกลี่ยเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ทางตำรวจจะประสานฝ่ายประกันของทางนายชุมพล เข้ามาพูดคุยถึงวงเงินชดใช้ค่าเสียหายต่อไป
ด้านดาราหนุ่มโพสต์ข้อความว่า
จากเหตุการณ์เมื่อเช้าผมได้ทำแผลเองและถ่ายละครต่อเลย เนื่องจากเป็นแค่แผลถลอกบริเวณ ก้น ข้อศอกขวา และฝ่ามือทั้งสองข้าง ผมเคยจักรยานล้มหลายครั้งแล้วเลยชินกับการทำแผลเองมากๆครับและไม่อยากให้คนที่กองถ่ายรอด้วยเพราะออกกองวันนึงค่าใช้จ่ายเยอะผมทราบดี บวกกับอาการบาดเจ็บที่ไม่ได้หนักหนาอะไรเลยสามารถทำงานต่อได้เลยครับ The show must go on (จริงๆกองถ่ายยืนยันจะให้ไปโรงพยาบาลแต่ผมไม่ไปเองครับ)
ตอนนี้ผมติดต่อเจ้าของรถแท็กซี่ได้แล้วครับ เจ้าของไม่ได้ขับเองแต่เป็นคุณลุงแก่ๆคนนึงเช่ารถขับอีกที เจ้าของรถบอกจะรับผิดชอบทุกอย่างทั้งค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาล เพราะรถมีประกัน และได้เดินทางมาพบผมแล้วที่กองถ่ายพร้อมกับคุณลุงที่ขับรถ คุณลุงคนขับอายุมากแล้วครับเกือบ 70 ปี และมีโรคความดันเป็นโรคประจำตัว พอมาถึงเค้าก็ยกมือไหว้ขอโทษเลยและยอมรับผิด รวมถึงบอกด้วยว่าไม่ได้ตั้งใจหนีแต่ตกใจทำอะไรไม่ถูกเลยขับเลยไปก่อนไม่ได้จอดดู พอมีรถมอเตอร์ไซค์ที่เห็นเหตุการณ์ขับตามไปถ่ายทะเบียนรถและบอกลุงว่าขับชนคนนะเค้าก็ตกใจบอกว่ามองไม่เห็นแล้ว ตั้งใจขับรถกลับมาดูแต่รถติด พอวนกลับมาถึงผมก็ไม่อยู่ตรงที่เกิดเหตุแล้ว
เบื้องต้นผมได้เดินทางมาที่ สน. ประเวศ เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้แล้วครับ จริงๆไม่ได้ติดใจเอาความอะไรลุงเพราะยังไงเจ้าของรถก็มีประกันรับผิดชอบความเสียหายและค่าพยาบาลอยู่แล้ว แต่เนื่องจากความเสียหายมีมูลค่าเกิน 50,000 บาทเลยต้องไปลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการเบิกจ่ายครับ
ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะครับ ขอบคุณจริงๆ อยากฝากเหตุการณ์นี้ไว้เป็นอุทาหรณ์แล้วกันครับ ใครขี่จักรยานบนท้องถนนกรุงเทพ ไม่ว่าจะเพื่อสัญจรหรือสันทนาการ ก็ระมัดระวังมากๆนะครับ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หมวกกันน็อคและอุปกรณ์ป้องกัน รวมถึงไฟท้ายไฟหน้า ต้องมีนะครับเกิดเหตุอะไรขึ้นก็ผ่อนหนักเป็นเบาได้ครับ