อะไรคือสิ่งที่เกิดขึ้นจากการที่ นายทักษิณ ชินวัตร โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ 30 ส.ค.2560 ว่าด้วย “มองเกสกีเยอ” มันทำให้การเมืองไทยเปลี่ยนแปลงมั๊ย ก็ตอบว่า ไม่ทันทีหรอก
ประชาชนในระดับชาวบ้านธรรมดา ไม่รู้จักนักปราชญ์ชาวฝรั่งเศสคนนี้ แต่ผม นายฉลามเขียว มองเห็นผลกระแทกที่แรงมาก เกิดสงครามเลยล่ะ “สงความความคิด” มันเกิดขึ้นในหมู่ชนผู้มีความรู้พอสมควรในสังคมไทย
หมู่ชนนี้ชื่นชอบการปกครองระบอบประชาธิปไตย ชื่นชอบสิทธิเสรีภาพ และเข้าใจได้ถึงการแบ่งแยกอำนาจ นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ อย่างเข้มข้นเท่านั้นจึงจะทำให้สังคมนั้นๆเจริญก้าวหน้า รุ่งเรือง ประชาชนอยู่อย่างมีความสุข และอย่างมั่นคง
หลายๆชาติวิไลซ์บนโลกใบนี้ยึดมั่นการแบ่งแยกอำนาจนี้ ชาติใดแบ่งแยกไม่ขาด ไม่มีประสิทธิผล 3 อำนาจไหลมารวมกัน ชาตินั้นก็เศร้าหมอง
ดังนั้นสิ่งที่ผมเห็นหลังทวิตเตอร์ของทักษิณก็คือ การตื่นตัวของชนชั้นกลาง มันจะไม่เร็ว แต่จากนี้ต่อไป จะได้เห็นการขยับเข้าหากัน ปรึกษาหารือ และจัดองค์กร
ทักษิณจุดประกายให้ปัญญาชนหันมาถกกัน เวลานี้ประเทศไทยการแบ่งแยก 3 อำนาจเป็นอย่างไร
ผมเป็นนักเขียนในสื่อมวลชนที่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ผมแลเห็น ยังไงก็จะเดินไปตรงนั้นจนได้ในวันหนึ่งข้างหน้าอันใกล้นี้ ผมจะไปร่วมด้วย ไปฟัง
วันนี้ประเด็นของ ฉลามเขียว คือ นำเรื่องแปลกมาสู่คนไทยฟัง ผมไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร เพราะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย “นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ” ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ให้ข่าว
จะเปิดรับบริจาคเงินเพื่อนำมาเข้ากองทุนสำหรับแจกคนจน
ผมเห็นข่าวนี้ในเว็บไซต์ของ “ฐานเศรษฐกิจ” http://www.thansettakij.com พาดหัวข่าวไว้ว่า
‘บัตรคนจน’ ทำ‘คลัง’เงินหมด! ขอรับบริจาคลุยเฟส2
ผมสนใจ เพราะมีผู้ยกไปถกแถลงกันในเว็บบอร์ดด้านการเมือง วิจารณ์ว่า ถังแตกแล้ว ไม่มีเงินแจกคนจนแล้ว ต้องขอรับบริจาค
ข่าวมีรายละเอียดว่า
วันนี้ (31 ส.ค. 60) – กรมบัญชีกลางได้เร่งการผลิตบัตรสวัสดิการให้ได้วันละ 400,000 ใบ และจะทยอยส่งมอบไปยังคลังจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศจนครบ 11.67 ล้านคน ภายในวันที่ 15 ก.ย.นี้ หลังจากนั้นคลังจังหวัดจะส่งบัตรสวัสดิการไปยังหน่วยงานที่ประชาชนลงทะเบียน เช่น คลังจังหวัด ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานเขตในกรุงเทพฯ เพื่อเตรียมพร้อมในการแจกบัตรสวัสดิการให้กับผู้ลงทะเบียนในวันที่ 21 ก.ย.60
ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สำหรับการให้ความช่วยเหลือสวัสดิการประชาชนแบ่งออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1.กรมบัญชีกลางจะแจกบัตรสวัสดิการ 11.76 ล้านคน ส่วนระยะที่ 2.จะเป็นการช่วยเหลือเพิ่มเติม สำหรับผู้รายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี โดยจะนำประชาชนมาฝึกอบรมเพื่อให้เกิดความรู้สร้างอาชีพและเพิ่มรายได้ในอนาคต ซึ่งยอมรับว่าเงินกองทุนสวัสดิการขณะนี้ มีเหลืออยู่ประมาณ 5,000 ล้านบาท จากทั้งหมด 46,000 ล้านบาทนั้น เนื่องจากเงินจำนวน 41,900 ล้านบาทถูกใช้ไปในการแจกบัตรสวัสดิการ จึงจำเป็นต้องเพิ่มเงินกองทุน ด้วยการขอบริจาคเงินผ่านรัฐวิสาหกิจและบริษัทเอกชน โดยผู้บริจาคสามารถหักลดหย่อนภาษีได้
ผมอ่านข่าวนี้หลายรอบมาก ขอชื่นชมนักข่าวของฐานเศรษฐกิจก่อนนะครับ ข่าวนี้มันเจ๋งมากสำหรับผม ขอถือว่านักข่าวคนนี้มีฝีมือ เพราะผมไม่เห็นข่าวนี้ในเว็บไซต์ของสำนักอื่นเลย
และผมขอชมนะครับ สำหรับคนที่ยกเป็นประเด็นในเว็บบอร์ดการเมือง ถังแตกแล้ว แต่สำหรับผมแล้วไม่ได้ถือว่ารัฐบาลถังแตก จึงต้องเปิดรับบริจาคเงิน จากรัฐวิสาหกิจ และจากประชาชนทั่วไป ให้แลกกับการลดหย่อนภาษี เพราะถ้าบอกว่ารัฐบาลถังแตกก็ต้องมีการแก้ข่าวกันอย่างขนานใหญ่ เหมือนที่เคยเกิดมาแล้วตอนที่อาจารย์ ม.เกษตรฯท่านเขียน
ผมถือว่ากิจกรรมนี้คือ
เสน่ห์อันร้ายกาจ
เสน่ห์จะต้องร้ายกาจมากสิครับ จึงจะได้เงินบริจาคมากมายมหาศาลถึง 41,000 ล้านบาท เพื่อไปรวมกับ 5,000 ล้านบาทที่มีอยู๋ของกองทุน เพื่อนำไปแจกช่วยเหลือคนจนที่ตั้งวงเงินไว้ 46,000 ล้านบาท
ตัวผม ฉลามเขียว ตั้งใจแล้ว จะร่วมบริจาค 20 บาท
ฉลามก็คนจน แล้วทำไมต้องบริจาค
เพราะผมเชื่อว่าบริจาคแล้วจะทำให้จิตใจตัวเองชื่นบานมาก เนื่องจากในบรรดาคนจน 11.76 ล้านคนที่รัฐบาลท่านขึ้นทะเบียนไว้ มีคนจบปริญญาเอก ที่เราเรียกกันว่า “ดอกเตอร์” มีชื่อจะได้รับเงินเดือนนี้อยู่ด้วยมากถึง… 500 คน
มีคนจบปริญญาโท ปริญญา่เอก มาร่วมลงทะเบียนเป็นคนจน 700 คน ตรวจสอบละเอียดแล้วตัดออก 200
ใครเก่งเลข หารให้ผมด้วยสิครับ 20 บาท เงินของ ฉลามเขียว หารแล้วท่านดอกเตอร์จะได้กันคนละเท่าไหร่
ฉลามเขียว
31 สิงหาคม 2560
matemnews.com