รูปของ innnews.co.th
พรรคภูมิใจไทย จัดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “กัญชาเสรีเพื่อการแพทย์” ที่โรงแรมรามาการ์เด้นท์ ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อเช้าวันที่ 12 ก.ค.2562 มีผู้คนแวดวงกัญชาเพื่อการแพทย์ และประชาชนที่สนใจกัญชาเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจ ประธานเปิดงาน กล่าวตอนหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2562 ในการหารือนโยบายรัฐบาลร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องขอขอบคุณท่านนายกฯที่กรุณาบรรจุนโยบายกัญชาเพื่อประโยชน์ในการรักษาโรคและทางการแพทย์เป็นนโยบายรัฐบาลด้วย ขอให้รอฟังจากที่นายกฯจะแถลงนโยบายได้ นโยบายของพรรคภูมิใจไทยตั้งแต่แรกเริ่มของการคิดนโยบายกัญชาเสรี มุ่งเน้นประโยชน์เสรีทางการแพทย์และรักษาโรคเท่านั้น ในการขับเคลื่อนนโยบายนี้มีเป้าหมาย คือ
1.กัญชาต้องเป็นยารักษาโรคที่ถูกกฎหมาย
2.กัญชาเป็นยารักษาโรคที่ประชาชนเข้าถึงได้ และบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อเป็นยาที่ผู้ป่วยในทุกสิทธิประกันสุขภาพรัฐ ทั้งหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บัตรทอง) ประกันสังคมหรือสวัสดิการข้าราชการสามารุนำมาใช้รักษาได้
3.กัญชาเป็นยารักษาโรคที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยอย่างเท่าเทียมกัน จะต้องไม่มีการอ้างสิทธิบัตรของใครเหนือพืชกัญชา ด้วยการจดสิทธิบัตรกัญชาสายพันธุ์ต่างๆ หากทำได้สำเร็จทั้ง
3 ข้อนี้ กัญชาจะเป็นพืชเศรษฐกิจให้คนไทยมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น มีความมั่นคง แข็งแรง ตอนที่พรรคคิดนโยบายนี้ คือ เอากัญชามารักษาโรค ความเจ็บไข้ของประชาชน เพราะเชื่อว่าสายพันธุ์กัญชาที่จะทำได้ดี จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาลงได้ เพื่อดูแลสุขภาพคนไทย ไม่ใช่ดูแลสุขภาพบริษัทค้ายาที่คว้ากำไรมากมายมหาศาล และขอย้ำว่าพรรคเน้นเรื่องกัญชาเสรีเพื่อประโยชน์การรักษาโรค และการพัฒนาทางการแพทย์ของประเทศเป็นหลัก
หลังกล่าวเปิดงานแล้ว นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า การขับเคลื่อนเรื่องกัญชาเสรีทางการแพทย์และรักษาโรค ทุกอย่างจะต้องมีขั้นตอนดำเนินการ จากการประสานกับสำนักงาน ป.ป.ส. ก็ชัดเจน ว่าพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่7) พ.ศ.2562 มีข้อยกเว้นให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการรักษาโรค การวิจัย และการศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนาในการรักษาโรค เมื่อผมเข้าทำงานที่กระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินงานเรื่องนี้อย่างเต็มที่ จากการหารือกับผู้บริหารสธ.ทราบดีว่าเรื่องนี้เป็นนโยบาย และพร้อมให้ความร่วมมือ
นักข่าวถาม การให้คนไทยปลูกกัญชาที่บ้านได้เอง 6 ต้นจะมีแนวทางอย่างไร นายอนุทิน ตอบ
จะต้องเป็นการปลูกเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ รักษาโรคเท่านั้น ก็จะเป็นเหมือนพืชสมุนไพรอื่นๆที่คนไทยสามารถปลูกไว้ใช้ได้ ในเบื้องต้นอาจจะเป็นการขับเคลื่อนผ่านอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน ที่มีอยู่ทั่วประเทศราว 1 ล้านคนก่อน โดยจัดอบรมให้มีความรู้อย่างครอบคลุมรอบด้าน และขยายผลถ่ายทอดต่อไปยังประชาชนในการปลูกในบ้าน โดยจะต้องมีความเข้าใจในเรื่องการใช้ประโยขน์ทางการแพทย์และรักษาโรค เกี่ยวกับสรรพคุณต่างๆ และการปราศจากการปนเปื้อนโลหะหนักที่กัญชาจะดูดซับได้ดี ซึ่งอาจจะใช้เวลา 1-2ปี จึงจะดำเนินการได้ทั่วถึง
นักข่าวถาม จะให้อสม.นำร่องในการปลูกกัญชา จะต้องแก้กฎหมายหรือไม่เพราะอสม.ไม่ใช่วิสาหกิจชุมชนที่กฎหมายอนุญาตให้ปลูกได้ นายอนุทิน ตอบ
“ใช่ เพราะอสม.ก็ถือเป็นประชาชน ส่วนกฎหมายยืนยันในเรื่องการปลูกกัญชาต้องมีแน่นอน เพราะตอนนี้ยังไม่มี ส่วนที่เป็นประกาศหรือกฎกระทรวงสธ.ต่างๆก็จะต้องมีการพิจารณาให้เกิดประโยขน์มากที่สุด ขณะนี้มีพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่7) พ.ศ.2562 ที่เป็นกฎหมายหลักที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ในปีนี้ ครอบคลุมในวงกว้างอยู่แล้วอาจไม่จำเป็นต้องแก้ไขอะไร ส่วนจะดำเนินการนำร่องโดย อสม.เมื่อไหร่ ต้องรอให้เข้าทำงานที่สธ.เต็มตัวก่อน ทุกฝ่ายจะทราบดีว่านี่คือนโยบายที่ผู้ปฏิบัติต้องนำไปดำเนินการ หากติดขัดก็เสนอฝ่ายนโยบายมาเพื่อหารือร่วมกันในการคลายล็อกตรงจุดนั้น”
matemnews.com
12 กรกฎาคม 2562