คุยกับ
‘ราช รามัญ’
** ดารา นักแสดง ตายแล้วตกนรก **
“จะมาครวญครางทำซากอะไร ตายแล้วก็ไปลงนรกซะ”
ใครบางคน ได้เห็นหัวข้อนี้อาจจะไม่เชื่อแต่หรืออาจจะคิดว่าเป็นเพียงแค่ความคิดเห็นของผู้เขียนเท่านั้น
แต่ความเป็นจริงแล้วหาใช่เช่นนั้นไม่ เรื่องราวที่น่าสนใจเรื่องนี้ได้มีมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของโลกได้กล่าวเอาไว้เพื่อเป็นการสอน ให้เกิดการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น
มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่กล่าวถึงนี้มีพระนามว่า พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ หรือ พระพุทธเจ้านั้นเอง
จึงไม่เคยแปลกใจเลยว่าชีวิตของเรานักแสดงที่เราเห็นที่เราได้ยินข่าวของบางคน ในระยะยาวมักจะไม่ค่อยสดชื่นสดใสเท่าไหร่นัก
บ้างแอบได้เสียกัน บ้างติดสารเสพติด บ้างติดการพนัน บ้างแต่งงานไม่เท่าไหร่เลิกราหย่าร้าง บ้างติดสุรา บ้างล้มละลาย แต่สำหรับนักแสดงบางคนนั้นที่มุ่งแต่กุศลกรรมเรื่องร้ายอาจคลายคืนพอได้กระเดียดได้บ้าง
ในพระไตรปิฎก พระสุตตันตปิฎก เล่มที่10
สังยุตตนิกาย สฬานตยวรรค ปรากฏเรื่องราวโดยมีใจความว่า.
ตาลบุตร เป็นนักฟ้อนรำ ได้กล่าวกับพระพุทธเจ้าว่า การฟ้อนรำในมหรสพด้วยคำจริงบ้างคำเท็จบ้าง ให้หัวเราะบ้างร้องไห้บ้างดีใจบ้างเรานักแสดงนั้นเมื่อตายแล้ว ได้ขึ้นสวรรค์ชั้นปหาสะ
พระพุทธเจ้าห้ามไม่ให้ถามอีก เขาก็ยังถามอีกถึง2ครั้ง พระพุทธเจ้าจึงตอบกลับว่า
“ดูกรตาลบุตร ก็เธอทั้งหลาย ยังอยู่ด้วยความประมาท มีความโลภ โกรธ หลง อยู่ ด้วยการฟ้อนรำในมหรสพด้วยคำจริงบ้างคำเท็จบ้าง แล้วเธอทำให้ผู้คนเขาหัวเราะบ้างร้องไห้บ้าง ดีใจบ้าง เหล่าดารา นักแสดงนั้นเมื่อตายแล้วย่อมเข้าถึงนรกชื่อ ปหาสะ”
เมื่อได้ฟังดังนั้นตาลบุตร ถึงกับร้องไห้เสียใจ
อย่างมาก แล้วก็ขอออกบวชในที่สุด และ
ขอบวชในสำนักของพระพุทธเจ้าด้วย
เมื่อบวชแล้วก็อยู่ห่างไกลผู้คน ไม่นานนัก
ก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
นี่เป็นกฎของ ธรรมชาติอย่างหนึ่งของผลแห่งการกระทำ จึงไม่แปลกเลย เคยสังเกตแล้วพบว่าทำไม ดารา นักแสดง จึงมีชีวิตอาเพศเหมือนถูกสาป วันนี้หวังว่าคงได้คำตอบแล้วนะครับ
ว่าทำไม..ทำไม และทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ก็โลกทั้งหลาย..เป็นเช่นนี้แล
matemnews.com
8 ตุลาคม 2561
