ผ่านการเป็นประชาชนของรัฐบาลมาก็หลายคณะ ได้พบได้เห็นเหตุการณ์พิสดารมาสารพัดของการเมืองไทย แต่สิ่งหนึ่งไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนเอาจริงเอาจังกับเรื่องหนังสือเสียทีในมุมของการส่งเสริม
เคยมียุคหนึ่ง..ความคิดใครไม่ทราบ เขาส่งเสริมให้คนรักการอ่านหนังสือ ก็นับว่านักการเมืองยุคนั้นพอมีสมองบ้าง
กี่ยุคสมัยผ่านมาคนไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ แต่อยากสำเร็จ อยากรวย. ถ้าความรู้ยังไม่รอบรู้จะรวยจะสำเร็จกันได้อย่างไร
รัฐก็อยากมีประชาชนที่มีคุณภาพ แต่รัฐไร้สมองที่จะทำให้คนรักการอ่านเองโดยไม่ต้องบังคับ ขอถามตรงๆว่า ไม่อยากให้คนฉลาดกลัวปกครองยากแบบนั้นหรือ
พรรคไหนก็ได้ ใช้สมองวางนโยบาย ส่งเสริมเรื่องหนังสือตั้งแต่ต้นทางจนถึงมือผู้อ่านทีเถอะ อาทิ ปลอดภาษีกระดาษ 0 % ที่จะนำเอาเข้ามาผลิตหนังสือแบบเรียนทุกประเภทและหนังสืออ่านความรู้ทั่วไป /ยกเว้นการเสียภาษีกับผู้ผลิตและจำหน่ายหนังสือ
ทำแค่นี้ได้ราคาหนังสือก็ถูกลง คนก็พอมีกำลังซื้อมากขึ้น ราคาหนังสือที่แพงเกิดมาจากแค่ 2 ส่วนเท่านั้น คือ. ราคาของกระดาษที่นำมาผลิตหนังสือแพงมาก / ราคาของหนังสือ 40% เป็นของการจัดจำหน่ายและหน้าร้าน อาทิ หนังสือราคา 100 บาท ผู้ผลิตได้เงินจริงๆ 60 บาท อีก 40 บาทเป็นของหน้าร้านและการจัดจำหน่าย
อยากให้คนไทยฉลาดต้องทำให้ราคาหนังสือถูกลงให้ได้ มิใช่ไปส่งเสริมแค่การอ่านแต่ไม่มีเงินจะซื้ออ่าน แนวคิดแบบนี้อาจขัดหูขัดตาไม่ถูกใจ. แต่บอกได้เลยว่าถ้าทำได้ คนไทยจะได้อ่านหนังสือดีๆอีกมากมาย
แม้วงการหนังสือจะมีองค์กรสมาคมหรือสมาพันธ์ชมรมอะไรก็ตาม มีไปก็เพื่อคนในวงการหนังสือในเรื่องของการขายหนังสือ
ส่วนในเรื่องการปฏิรูปอื่นๆทำไม่ได้เพราะอำนาจไม่มี ลำพังที่มีและเป็นกันอยู่ก็กะโหลกกะลาพอควรแล้ว คิดอะไรไม่ได้ไกล มองอะไรไม่ได้ลึก
พรรคการเมืองที่ดี คือ คิดและพูดเป็นนโยบายแล้วสามารถทำได้จริง ฝากไว้ให้ไปคิด เพราะหนังสือไม่เคยทำให้ใครโง่ จงทำให้วลีที่ว่า คนไทยอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัดให้หายไป กลายเป็นอ่านปีละ 8 เล่มก็คงจะดีไม่น้อย
—————————————
matemnews.com
17 ธันวาคม 2561